โม่ เหยียนและผลงาน "วา"("กบ")
โม่ เหยียนเห็นว่า การเขียนตัวละครเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง หากเขียนขึ้นตามทำนองแห่งสัจนิยมอย่างแท้จริง ควรเขียนคนให้เป็นชั่ว และบางครั้งคนชั่วก็อาจเป็นคนดี กล่าวง่ายๆ คือ ไม่ว่าคนดีหรือคนชั่ว ก็ล้วนเป็นคนเหมือนกันทั้งสิ้น ในโลกใบนี้ไม่มีคนที่สมบูรณ์พร้อม และก็ไม่มีคนชั่วร้ายจนไม่เหลือดี ทุกคนมีทั้งจุดดีและจุดด้อย แม้เป็นคนชั่วร้าย ก็อาจจะมีความคิดที่ดีงามเจือปนอยู่สัดนิด ซึ่งเป็นแสงสว่างที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งใจได้ ดังนั้น จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงทฤษฎีทางวรรณกรรมในงานเขียนของเขา จนกลายเป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์แบบโม่ เหยียนขึ้น ถ้าเรามัวแต่ถือแว่นขยายค้นหาจุดด้อยของคนอื่น แสวงหามุมมืดทางสังคมตลอดเวลา และขาดความกล้าหาญที่วิจารณ์ตนเอง คงเป็นนักเขียนที่ยังไม่ดีพอ
โม่ เหยียนกล่าวว่า "เมื่อก่อนเราเห็นว่า ถ้าผมแค่ขโมยไก่ตัวหนึ่ง ก็สามารถประณามหรือตีคนที่ขโมยวัวตัวหนึ่งได้อย่างมีเหตุผลว่า คุณขโมยวัว ตัวใหญ่กว่าไก่ที่ผมขโมยมาตั้งเยอะ ดังนั้นผมจึงมีสิทธิ์ว่าคุณและตีคุณ แต่ความจริง การขโมยวัวกับขโมยไก่ก็เป็นการขโมยเหมือนกัน ผมเห็นว่า จุดลึกในใจของแต่ละคน ล้วนมีมุมมืดดำรงอยู่ แม้ว่าของคุณอาจไม่ได้ทำให้กลายเป็นจริงขึ้น แต่ถ้าเคยเกิดความคิดที่ไม่ดี ก็แสดงว่าคุณยังไม่ถึงระดับสมบูรณ์แบบหรือเพอร์เฟค ก็ควรวิพากษ์วิจารณ์ตนเองได้" โม่ เหยียนบอกว่า ต่อไปจะพยายามวิจารณ์ตนเองให้ถึงแก่นยิ่งขึ้น เพื่อเขียนผลงานลึกซึ้งที่กระตุ้นถึงจิตวิญญาณมากกว่านี้