ยายคนนี้แซ่ไต้ เป็นคนเทียนสิน ยายไต้ว่า สุนัขของตัวเองหายไปหลายวันแล้ว ช่วงนี้นอนแค่วันละ 3-5 ชั่วโมงเท่านั้น ตื่นแล้วก็ไม่อยากอาหารเช้า คิดแต่จะออกไปตามหาสุนัขของตนให้เจอ
คนในบ้านเล่าว่า ยายไต้ออกไปหาแต่เช้า ตอนเที่ยงกลับบ้านพักสักครู่ ก็ออกไปหาต่อ ถึงตอนค่ำ ยังขอให้เพื่อนและญาติช่วยหาพร้อมกัน จนถึงเที่ยงคืน ทุกคนกลับบ้านแล้ว ยายยังไม่ยอมกลับ ทำเช่นนี้ติดต่อกัน 7 วัน
สำหรับคนทั่วไป การกระทำเช่นนี้คงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่แข็งแรงเท่าหนุ่มสาว การตามหาสุนัข 7 วันติดต่อกันโดยไม่พักผ่อนนั้น คงเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ยายไต้ก็ล้มป่วยลงเพราะเหนื่อยและพักผ่อนน้อยเกิน สุนัขที่หายไปก็ยังไม่ได้เจอ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ยายก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด และบอกว่า หวังว่าจะมีคนใจดีช่วยหาและพาส่งกลับบ้านมาให้ ยายยอมให้ค่าตอบแทนสองพันหยวนเพื่อขอบคุณ
เรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อย บางคนแสดงความเห็นใจต่อคุณยาย ส่วนบางคนเห็นว่า การทำเช่นนี้ไม่คุ้ม สุนัขที่หายไปก็ไม่ใช่พันธุ์ดีแต่อย่างใด หรือถึงจะเป็นสุนัขที่ล้ำค่า ก็ควรคำนึงถึงสุขภาพด้วย เพราะอย่างไรร่างกายของคนเราสำคัญกว่า
แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่น้อย เรื่องของยายไต้เป็นการตามหาสุนัขด้วยกำลังอย่างสุดความสามารถ ส่วนเรื่องต่อไปเป็นการตามหาสุนัขโดยทุ่มเทสินทรัพย์มหาศาลจนน่าเหลือเชื่อ
เมื่อเดือนที่แล้ว มีชาวเฉิงตูชื่อ "ครูเฉา" ทำประกาศตามหาสุนัขบนเว็บไซต์ โดยระบุว่า หมาจูของเขาที่เลี้ยงมาเป็นเวลา 7 ปีหายไป หวังว่าคนพบจะส่งคืน เขาจะยกบ้านเรือนที่มีมูลค่ากว่า 1 ล้านหยวนให้เพื่อเป็นการตอบแทน
พอประกาศตามหาสุนัขดังกล่าวออกมา ก็ดึงดูดความสนใจจากแฟนเน็ตและสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง มีคนตอบทันทีว่า "เราไม่ทำงานแล้ว รีบไปตามหมาดีกว่า"
นี่คงเป็นคำพูดเล่นเท่านั้น ผู้คนส่วนใหญ่สงสัยว่า หมาจูก็ไม่ใช่สายพันธุ์ราคาแพง จะให้ค่าตอบแทนสูงขนาดนี้ได้ยังไง ครูเฉาอธิบายว่า เขาอายุมากแล้ว อยู่คนเดียว สุนัขที่หายไปตัวนี้เหมือนกับลูกของเขา ถ้าไม่มีสุนัขตัวนี้อยู่เป็นเพื่อน ชีวิตก็น่าเบื่อ ไม่มีความสุขเลย
ในยุคปัจจุบัน ผู้สูงอายุที่ถือสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นลูกหลานมีจำนวนไม่น้อยนัก อันที่จริง นี่แสดงให้เห็นถึงปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่งก็คือ ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว ไม่มีลูกหลานอยู่รอบข้าง ต้องเผชิญกับชีวิตเหงาหงอย ถึงเลี้ยงสัตว์น่ารักบ้าง แต่ยังไงก็ไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริง ความดูแลจากญาตินับเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับผู้สูงอายุเหล่านี้
มีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการงานบริหารผู้สูงอายุแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่ครูเฉาควรจะตามหาไม่ใช่สุนัข เป็นความอบอุ่นจากครอบครัวต่างหาก ลูกหลานของครูเฉาและผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวทุกคนต้องคิดหน่อยว่า จากบ้านไปนานหรือยัง ทำงานยุ่งถึงขนาดไหนก็อย่าลืมพ่อแม่สูงวัยที่บ้าน