ตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นมา "อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร(Interbank Rate)" ปรับตัวสูงขึ้น จนสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติกาลเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา บรรดาธนาคารในจีนต่างเผชิญกับสถานการณ์ขาดแคลนเงินสดสำรอง ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการอัดฉีดเงินสดเข้าตลาดแบบ "รักษาเฉพาะอาการ" แต่ตั้งเป้าปรับโครงสร้างการเงินเพื่อจัดการที่ต้นเหตุของปัญหาแทน
ในช่วง 20 กว่าวันที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารในจีนพุ่งสูงจากระดับ 4.5% แตะสู่เพดาน 30% แล้วค่อยดิ่งลงที่ 13.4% เป็นเหตุให้ธนาคารพาณิชย์จำนวนไม่น้อยเกิด "การแย่งชิงเงินสด" โดยธนาคารบางแห่งจัดแจกของกำนัลเป็นข้าวสวย น้ำมันปรุงอาหาร ตลอดจนโทรศัพท์มือถือเพื่อแย่งชิงเงินออมของลูกค้า
องค์กรการเงินหลายแห่งแสดงความเห็นว่า สถานการณ์ขาดเงินสดในตลาดเกิดจากปัจจัยหลายข้อ โดย United Bank of Switzerland ชี้ว่า ปัจจัยเหล่านี้รวมถึงเงินตราต่างชาติที่ไหล่เข้าประเทศจีนลดน้อยลงอย่างชัดเจนในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ธนาคารประเมินความต้องการเงินสดในช่วงเทศกาลและต้นฤดูร้อน ตลอดจนตลาดอาจจะมีความเข้าใจผิดต่อวัตถุประสงค์ของนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
นอกจากนี้ ยอดมูลค่าสินเชื่อของธนาคารขยายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้ ธนาคารพาณิชย์ต้องรักษาสัดส่วนเงินฝากกับเงินกู้ให้สมดุลเกณฑ์ของหน่วยงานบริหาร การจัดการบริหารเงินเพื่อเก็งกำไรจำนวนหนึ่งก็ถึงเวลาถอนเงินให้ลูกค้า ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญด้วย
สิ่งที่ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ขาดแคลนเงินสดหมุนเวียนอย่างเห็นได้ชัดคือ ยอดเงินสำรองของทั่วประเทศทะลุ 100 ล้านล้านหยวน ตัวเลขนี้สูงเป็น 104.21 ล้านล้านหยวนก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 15.8% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เมื่อต้นปี 2013 ซึ่งก็คือระดับ 13% สรุปได้ว่าตลาดจีนไม่ได้ขาดเงินสดในภาพรวม
นายเฉา หงฮุย รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยของ China Development Bank เห็นว่า เงินทุนที่หมุนเวียนในตลาดการเงินอย่างไร้ประโยชน์มีมากเกินความต้องการ เงินสดหมุนเวียนผ่านธนาคารเงา(Shadow Banking)เข้าการสมทบทุนของทางการท้องถิ่นและวิสาหกิจเอกชน โดยเฉพาะสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ช่องทางสมทบทุนของวิสาหกิจทั่วไปถูกข้อจำกัดเป็นเวลานาน
YING/FENG