ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนเป็นต้นมา ท้องที่ต่างๆ ในจีนมีอากาศร้อนจัดโดยทั่วกัน หลายพื้นที่ เช่น มณฑลเสฉวน เมืองฉงชิ่ง มณฑลกุ้ยโจว มีอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส และยังมีบางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส สถานีอุตุนิยมวิทยากลางของจีนรายงานว่า อากาศร้อนจัดที่ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้างครั้งนี้มีสาเหตุจากการได้รับผลกระทบจากความดันอากาศในแถบภูมิภาคใกล้โซนร้อน ซึ่งปกติแล้ว พื้นที่ทางใต้ของจีนจะมีอากาศร้อนขึ้นในเดือนมิถุนายน แต่ครั้งนี้แพร่ขยายวงกว้างมากกว่าปีที่ผ่านมา

เมื่อปลายเดือนมิถุนายน สถานีอุตุนิยมวิทยาของนครฉงชิ่งประกาศ "การเตือนภัยอุณหภูมิสูงไนระดับสีส้ม" ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 วัน เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา เขตและอำเภอ 6 แห่งของเมืองอู่ฮ่านมีอุณหภูมิสูงสุดกว่า 40 องศาเซลเซียส เมื่อพิจารณาถึงนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนประถมที่มีอายุน้อย ซึ่งอาจเกิดภาวะลมแดดในห้องเรียนที่ขาดแคลนอากาศหมุนเวียน นครฉงชิ่งและบางพื้นที่ของมณฑลเสฉวนจึงกำหนดให้เข้าเรียนเพียงตอนเช้าตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน ในอากาศร้อนๆ อย่างนี้ สถานที่ที่มีน้ำจึงกลายเป็นเป้าหมายการพักร้อนที่สำคัญ ชาวบ้านบางคนในนครฉงชิ่งกระโดดเล่นแม่น้ำเจียหลิง และสระว่ายน้ำต่างๆ อย่างคึกคักมากขึ้น

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ก็มีอุณหภูมิสูงสุดถึง 39.3 องศาเซลเซียสเหมือนกัน ซึ่งเป็นอันดับแรกของระยะเดียวกันตั้งแต่ปี 1981 เป็นต้นมา ผู้คนจึงล้อเล่นกันว่า บะหมี่ไม่ต้องต้มแล้ว ไม่มีไข่ไก่ดิบขายแล้ว เสื้อผ้าซักแล้วก็ใส่ได้

ส่วนเรื่องสนุกมากได้เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮ่าน มณฑลหูเป่ย เมื่อเร็วๆ นี้ มี weibo ข้อความหนึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งกล่าวว่า แสงแดดทำให้ผ้าห่มฉันไหม้เกรียม คนที่ประกาศ weibo นี้ชื่อหวงหร่วย นักศึกษาหญิงปีที่ 2 ของสถาบันเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีอู่ฮ่าน เธอแนะนำว่า เนื่องจากการสอบปลายเทอมเสร็จแล้ว อีกสองวันก็จะปิดเทอมหน้าร้อนและกลับบ้าน เธอจึงซักผ้าห่มแล้วตากแดดที่ยอดตึกหอพักในกลางวัน และอยากเก็บไว้ใช้ในเทอมหน้า พอถึงตอนค่ำ ดูเหมือนจะมีฝนตก ตอนนั้นหวงหร่วยกำลังติดธุระที่ข้างนอก จึงโทรให้เพื่อนช่วยเก็บผ้าห่ม แต่เพื่อนบอกว่า ผ้าห่มถูกตากแดดจนไหม้เกรียม พอกลับห้องพัก เธอเห็นสองข้างของผ้าห่มไหม้เกรียมสีดำ และยังมีรู 2 ตัว หวงหร่วยบอกว่า อาจเพราะว่าพื้นของยอดตึกมียางแอสฟัลต์หนาๆ หลังตากแสงแดดจะมีอุณหภูมิสูง จึงทำให้ผ้าห่มไหม้เกรียม อาจารย์ของสถาบันเคมีและเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหู่ฮ่านกล่าวว่า ผ้าห่มของหวงหร่วยทำด้วยใยเคมี ซึ่งติดไฟง่ายเมื่ออยู่ในอุณหภูมิสูง

ต่อมา หวงหร่วยก็ประกาศเรื่องนี้และภาพถ่ายบนweibo ทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตยิ่งสนุกกับล้อเล่นอากาศร้อนในปัจจุบัน โดยประเด็น "ร้อนจะตาย" เป็นประเด็นฮิตอันดับแรกใน weibo มีข้อวิจารณ์เกือบ 13,600,000 ข้อความ บางคนล้อเล่นว่า คนที่กล้าพบกันในอากาศอย่างนี้ ต้องเป็นเพื่อนตายแน่ๆ เพียงแค่ออกไปเดินเล่นผมก็หยิกขึ้นไม่ต้องดัด คนที่โอบกอดกันต้องเป็นศัตรูกันแน่ ยังมีคนพูดว่า คนแปลกหน้าสองคนมาถึงปักกิ่ง ไม่นานก็สุกแล้ว เพราะคำว่า "สุก" ภาษาจีนเรียกว่า "熟" ซึ่งยังมีความหมายว่า "คุ้นเคย" นักเรียนบางคนก็กล่าวว่า ถ้าฉันเป็นครูคุมสอบ ผลการสอบต้องเป็นผลกระดาษข้อสอบคูณอุณหภูมิข้างนอกในวันสอบ และหาร 26.5 องศาเซลเซียส และมีอีกคนหนึ่งเขียนว่า เมื่อวาน นักศึกษาปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในนครฉงชิ่งหกล้มที่โรงอาหาร และส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าเป็นแผลจากความร้อนระดับ 3 ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตวิจารณ์ว่า อุณหภูมิของพื้นสูงอย่างนี้ โรงอาหารไม่ต้องเปิดไฟหุงข้าวแล้ว เพียงต้องการทำความสะอาดให้ดี และเทข้าว ผักและเนื้อบนพื้น ก็สามารถกินอาหารย่างได้ และมีอีกคนล้อเล่นว่า วันนี้อุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ชาวแอฟริกันสีผิวดำว่า "Where do you think is hotter, Chongqing or Africa？" (คุณคิดว่าที่ไหนร้อนกว่า นครฉงชิ่ง หรือแอฟริกา) เขาจึงตอบว่า ผมพูดหนสุดท้ายแล้วนะ ผมไม่ใช่มาจากแอฟริกา ผมตากแดดจนผิวดำที่ฉงชิ่ง และยิ่งมีคนใช้ชื่อของภาพยนตร์ฮิตมากในจีนมาล้อเล่น เช่น "ตกในความรักร้อนๆ กันทั้งเมือง" เปลี่ยนชื่อเป็น "ตายในความรักร้อนๆ กันทั้งเมือง" และ "lost in Thailand" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ชื่อดังที่ถ่ายในประเทศไทย เปลี่ยนเป็น "lost in ความร้อน" และ "ข่าลาเป็นหมา" เปลี่ยนเป็น "ข่าลาร้อนเหมือนหมา" "สาวๆ ที่เราติดตามในช่วงมัธยม" เปลี่ยนเป็น "เครื่องปรับอากาศที่เราติดตามช่วงมัธยม" "ขอแต่งงาน 101 ครั้ง" เปลี่ยนเป็น "ร้อนตาย 101 ครั้ง" เป็นต้น

นอกจากนี้ เนื่องจากมหาวิทยาลัยบางแห่งไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องพัก จึงทำให้นักศึกษายิ่งมีประโยคที่คิดขึ้นมามากมายเกี่ยวกับความร้อน ยังมีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอุตสาหกรรมหูหนานเปลี่ยนบทกวีของซูซื่อ กวีที่มีชื่อเสียงของจีน เพื่อกล่าวหาอากาศร้อนจัด และได้แพร่หลายกันอย่างกว้างขวางทางอินเตอร์เน็ต นักศึกษาคนนี้บอกว่า อากาศช่วงนี้ร้อนมาก พัดลมที่ห้องเรียนเสีย มีเพียงห้องเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ พอเลิกเรียน เธอก็จะวิ่งกลับห้องพัก และกอดพื้นไม้กระดานไม่ยอมปล่อย จึงเขียนบทกวีแสดงความรู้สึกของตนเองและเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยจัดเครื่องปรับอากาศให้นักศึกษา แต่ไม่ได้คิดว่า บทกวีจะเป็นที่นิยมขนาดนี้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุตสาหกรรมหูหนานบอกว่า นักศึกษาที่เขียนบทกวีคนนี้น่ารักมาก ปัจจุบัน ระดับชีวิตความเป็นอยู่ได้ยกระดับขึ้น นักศึกษาจึงมีข้อเรียกร้องสูงขึ้นต่ออุปกรณ์การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย และยืนยันว่า มหาวิทยาลัยอุตสาหกรรมหูหนานมีเพียงบางห้องได้จัดเครื่องปรับอากาศ ห้องพักและห้องเรียนมีเพียงพัดลมไฟฟ้า เพราะถ้าจัดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ห้องพัก อาจทำให้วงจรไฟฟ้าทำงานหนักเกินไป และเกิดไฟไหม้ แต่สำหรับความลำบากที่ร้อนขนาดนี้ มหาวิทยาลัยก็กำลังวางแผนจะจัดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ห้องเรียน ช่วยปรับสภาพแวดล้อมการเรียนให้ดีขึ้นสำหรับนักศึกษา

และเรื่องที่น่าสนใจมากก็เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮ่านอีกเรื่อง คือมหาวิทยาลัยครูหวาจงของเมืองอู่ฮ่านประกาศว่า โรงพละของมหาวิทยาลัยจะเปิดเครื่องปรับอากาศทั้งคืนตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน ให้นักศึกษานอนบนฟูกที่ปูกับพื้นเพื่อความเย็นสบาย นักศึกษาเพียงแค่จดทะเบียน ก็สามารถเข้าพักที่ห้องพักเย็นๆ แห่งนี้ ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็มีนักศึกษาจำนวน 600 คนทยอยเอาผ้าห่มและหมอนกันมาพักที่โรงพละ ซึ่งภาพถ่ายเหล่านี้พอขึ้นอินเตอร์เน็ตก็ทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตประทับใจ เพราะเป็นมาตรการที่กล้าหาญมาก บางคนยังล้อเล่นว่า คนที่กรนครอกๆ ต้องระวัง ที่ห้องใหญ่ขนาดนี้จะมีเสียงสะท้อนแน่นอน