กรุงปักกิ่งมีรถยนตร์ประมาณ5.2 ล้านคัน
แม้ว่าจำนวนของรถไฟใต้ดินและรถประจำทางเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของชาวปักกิ่งได้เพียงพอ คนที่อยากซื้อรถใช้ส่วนตัวเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะการมีรถส่วนตัวทำให้การเดินทางสะดวกกว่าและอารมณ์ดีกว่า การทำงานในตัวเมืองใหญ่ 5 วันเต็มๆ จะรู้สึกเครียดมาก ชาวปักกิ่งชอบเดินทางไปเที่ยวชานเมืองในวันสุดสัปดาห์เพื่อพักผ่อนอย่อนใจ คลายความเครียด การมีรถส่วนตัวทำให้การเดินทางง่ายกว่า โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวที่มีลูกอายุยังน้อย ยิ่งสะดวกกว่าการโดยสารรถประจำทาง
เมื่อทศวรรษ1950 กรุงปักกิ่งมีรถยนตร์ประมาณ 2,300 คัน ถึงปลายปี 2003 มีมากกว่า 2 ล้านคัน ในช่วงเวลา 6 ปีตั้งแต่ปี 2004-2009 ได้เพิ่มขึ้นอีก 1.82 ล้านคัน ถึงปลายปี 2012 เพิ่มขึ้นถึง 5.2 ล้านคัน จึงเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพื่อแก้ปัญหาที่มีรถบนถนนมากเกินไป ฝ่ายบริหารของกรุงปักกิ่งเริ่มใช้นโยบายจำกัดการขับรถยนต์สัปดาห์ละ 1 วันตั้งแต่ปี 2008 คือจำกัดการขับขี่รถยนต์ 1 วันในวันทำงานตั้งแต่เวลา 07.00 น.- 20.00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ โดยใช้เกณฑ์ตามหมายเลขสุดท้ายของป้ายรถ มีการหมุนเวียนทุกๆ 3 เดือน เช่นตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายนปีนี้
วันจันทร์จำกัดรถที่หมายเลขสุดท้ายเป็น 3 และ 8
วันอังคารจำกัดรถที่หมายเลขสุดท้ายเป็น 4 และ 9
วันพุธจำกัดรถหมายเลขสุดท้ายเป็น 5 และ 0
วันพฤหัสบดีจำกัดรถที่หมายเลขสุดท้ายเป็น 6 และ 1
วันศุกร์จำกัดรถที่หมายเลขสุดท้ายเป็น 7 และ 2
นอกจากนี้ ยังจำกัดจำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนต่างถิ่นในช่วงที่มีรถมากที่สุดของวันทำงานระหว่างเวลา 07.00-20.00 น. โดยไม่ให้เข้ามาแล่นในพื้นที่ชั้นในของเมืองปักกิ่ง ให้ใช้ได้เฉพาะพื้นที่นอกวงแหวนที่ 5 เท่านั้น
นโยบายดังกล่าวข้างต้น ทำให้กรุงปักกิ่งมีรถที่ถูกจำกัดไม่ขึ้นไปวิ่งบนถนนในช่วงที่มีรถมากที่สุดประมาณ 9 แสนถึง 1 ล้านคัน แต่ละวันสามารถลดมลภาวะได้ประมาณ 240-250 ตัน
ชาวปักกิ่งต้องจับฉลากขอทะเบียนรถ
แต่มาตรการเหล่านี้ ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาปริมาณรถยนต์ในกรุงปักกิ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2010 กรุงปักกิ่งเริ่มจำกัดการจดทะเบียนรถยนต์อย่างเข้มงวด คืออนุญาตให้จดทะเบียนรถยนต์ใหม่ได้เพียง 240,000 คันต่อปี คือ 20,000 คันต่อเดือน ชาวปักกิ่งต้องจดทะเบียนในเว็บไซต์การจับฉลากขอทะเบียนรถ และแต่ละเดือนมีการจับฉลากโดยเครื่อง 1 ครั้งใช้เวลาเพียง 20 วินาทีเท่านั้น ผู้ที่เข้าร่วมการจับฉลากเพิ่มขึ้นทุกเดือน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กรุงปักกิ่งมีผู้ขอทะเบียนรถจำนวนกว่า 1.64 ล้านคน อัตราการได้ทะเบียนใหม่เป็น 84:1 และผู้ที่ได้ทะเบียนใหม่แล้วต้องซื้อรถภายใน 6 เดือนหลังจากได้ทะเบียนใหม่ เลยเวลากำหนดก็ถือเป็นการสละสิทธิ์ ถ้าอยากซื้อรถอีกต้องเข้าร่วมการจับฉลากครั้งใหม่ มาตรการดังกล่าวทำให้ผู้ที่ผู้ที่อยากซื้อรถต้องใจเย็นและอดทน เพราะบางครั้งยิ่งอยากได้ยิ่งไม่ได้
กรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2014 เป็นต้นไป จะปรับลดจำนวนของทะเบียนรถใหม่จาก 2 หมื่นคันเลือกเพียง 1 หมื่นคัน เพื่อควบคุมไม่ให้จำนวนของรถยนต์ของกรุงปักกิ่งมากเกิน 6 ล้านคันก่อนปลายปี 2017 ข่าวนี้ทำให้เดือนกันยายนมีผู้เข้าร่วมการจับฉลากเพิ่มขึ้นประมาณ 8 หมื่นคน นโยบายดังกล่าวทำให้ชาวปักกิ่งที่อยากซื้อรถส่วนตัวยิ่งกังวลว่า คงไม่มีวันจะมีรถของตนเองได้แล้ว
ปัญหามลภาวะและรถติด ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญในระยะยาว
แต่ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องบางคนเห็นว่า แม้นโยบายลดจำนวนของทะเบียนรถใหม่จะทำให้ปริมาณรถยนต์ของกรุงปักกิ่งเพิ่มขึ้นช้าลง สามารถควบคุมไม่ให้เกิน 6 ล้านคันได้ แต่ปัญหามลภาวะและรถติด ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญในระยะยาว อีกทั้งสำหรับครอบครัวที่ยังไม่มีรถ โดยเฉพาะครอบครัวของคนวัยหนุ่มสาว อาจไม่เป็นธรรมสำหรับพวกเขาที่ไม่สามารถซื้อรถได้ ทั้งๆที่มีเงินและมีสิทธิ
เจ้าหน้าที่หน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของกรุงปักกิ่งกล่าวว่า ปัจจุบัน กรุงปักกิ่งมีรถของหน่วยงานรัฐบาลประมาณ 7 หมื่นคัน รวมกับรถของหน่วยงานรัฐบาลส่วนกลางและรัฐวิสาหกิจส่วนกลางแล้วมีหลายแสนคัน การมีรถของรัฐบาลมากเกินไป ทำให้เกิดปัญหาคอรัปชั่นมากขึ้น แต่ประชาชนมีรถใช้ส่วนตัวน้อยลง หากจำกัดการใช้รถของรัฐบาลได้ จะเป็นผลดีต่อการแก้ปัญหามลภาวะและรถติด
กรุงปักกิ่งส่งเสริมการใช้รถพลังงานไฟฟ้า
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ส่งเสริมการใช้รถพลังงานไฟฟ้า กรุงปักกิ่งมีรถแท๊กซี่ประมาณ 7 หมื่นคัน แต่ละคันต้องวิ่งประมาณ 21 ชั่วโมงต่อวัน ระบายควันเสียเท่ากับรถส่วนตัว 10 คัน หากเปลี่ยนให้เป็นรถพลังงานไฟฟ้า แม้จะช่วยแก้ปัญหารถติดได้ไม่มากนักก็ตาม แต่จะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมได้อย่างแน่นอน
กรุงปักกิ่ง กำลังจะประกาศใช้นโยบายการเก็บ "ค่ารถติด" และ "ค่าระบายควันเสีย" ในอีกไม่ช้า เพื่อรณรงค์ให้ชาวปักกิ่งใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น ขับรถส่วนตัวน้อยลง นอกจากนี้ยังกำลังสร้างทางด่วนรอบเมือง คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2017 ถึงเวลานั้น น่าจะควบคุมไม่ให้รถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าเมืองอย่างเด็ดขาด
สำหรับสถานที่ก่อสร้างที่ต้องการรถบรรทุกวัสดุก่อสร้าง ต้องขอใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ล่วงหน้า และให้เข้าเมืองในกลางคืนเท่านั้น กลางวันห้ามรถขนาดใหญ่วิ่งบนถนนของตัวเมืองปักกิ่ง ยกเว้นรถประจำทาง นอกจากนี้ ยังจะปรับปรุงโครงสร้างของรถ 10 ประเภท ได้แก่รถแท็กซี่ รถประจำทาง รถที่ใช้ในงานรักษาสิ่งแวดล้อม เช่นรถทำความสะอาดถนน รถรดน้ำต้นไม้ และรถเก็บขยะ รถไปรษณีย์ รถท่องเที่ยว รถบัสระยะทางยาว และรถบรรทุกดินทราย รัฐบาลจะจัดงบประมาณ 4 หมื่นล้านหยวนในการดำเนินงานดังกล่าว เพื่อให้กรุงปักกิ่งมีอากาศที่ดีขึ้น และช่วยให้ชาวปักกิ่งเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น