นอกจากนี้ หลินจื้ออิ่งยังดูแลลูกได้ดี ทั้งแปรงฟัน ชงนม ใส่เสื้อ ทำได้ทุกอย่าง สิ่งที่ทำไม่เป็นอย่างเดียวคือ ทำกับข้าว ซึ่งก็เป็นปัญหาเหมือนคุณพ่อคนอื่น ยกเว้นจางเลี่ยง จางเลี่ยงเกิดเมื่อปี 1982 เป็นนายแบบชายชาวปักกิ่ง เป็นชาวจีนคนแรกที่ได้ขึ้นเดินบนเวทีงานมิลานแฟชั่นวีค แต่ก่อนที่จะเข้าวงการเดินแบบ เขาเคยมีประสบการณ์เป็นพ่อครัวมาก่อน เพราะฉะนั้น วันแรกในรายการ "พ่อจ๋า เราจะไปไหน" จางเลี่ยงจึงทำกับข้าวให้ทุกคนทาน และยังสอนพ่อคนอื่นทำกับข้าว

เมื่อจับปลาที่ทะเลสาบใกล้ทะเลทรายในมณฑลหนิงเซี่ย หวังเย่ว์หลุนจับปลาไม่เป็น แต่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวเสียใจ จางเลี่ยงจึงช่วยจับให้แล้วแอบเปลี่ยนกระชอนกับหวังเย่ว์หลุน เพื่อให้ลูกสาวของหวังเย่ว์หลุนดีใจว่าตนเองจับปลามาฝากได้สำเร็จ นอกจากนี้ เมื่ออยู่ที่หมู่บ้านหลิงสุ่ย สือโถวโอ้อวดว่า เขาคนเดียวสามารถไปหากระทะมาได้ จางเลี่ยงจึงบอกสือโถวว่า สือโถวกับคิมมีอยู่ทีมเดียวกัน อันนี้เป็นผลของทีม ไม่ใช่ผลงานของใครคนเดียว ทำให้ผู้ชมค่อยๆ รู้จักหนุ่มตาตี่ หุ่นดี ตัวสูง ที่เชี่ยวชาญการทำกับข้าว ฉลาด และมีน้ำใจไมตรีคนนี้มากขึ้น

ลูกชายจางเลี่ยงชื่อ จางเย่ว์เซวียน ชื่อเล่นเทียนเทียน อายุ 5 ขวบ เทปแรกของรายการที่หมู่บ้านหลิงสุ่ย ปฏิกิริยาของเทียนเทียนทำให้จางเลี่ยงทำตัวไม่ถูกเอาเลยทีเดียว เพราะรายการนี้กำหนดว่า พ่อลูก 5 คู่ต้องมอบของเล่น ขนม และโทรศัพท์มือถือ ให้กับทีมงานเก็บรักษาไว้ แต่เทียนเทียนไม่ยอมยื่นไอแพดของตนให้ไป และร้องไห้ไม่หยุด พอเข้าชมบ้านที่พักทั้งห้าหลังก็ไม่ยอมเข้า และว่าทนกลิ่นเหม็นเหล่านั้นไม่ได้

แต่จางเลี่ยง ในฐานะพ่อที่อายุน้อยที่สุด ใช้วิธีเลี้ยงลูกแบบเป็นเพื่อนกันกับลูก เขาพยายามทำให้เทียนเทียนรู้สึกว่าพ่อเข้าใจเขา และลองหลอกล่อทุกวิถีทางเช่นกัน เดี๋ยวบอกว่า บ้านนี้มีนก และว่าให้เทียนเทียนลองกลั้นหายใจก่อน เข้าไปดูแล้วรีบออกมา แต่เทียนเทียนก็ไม่ยอม จนจางเลี่ยงต้องแบกขึ้นไหล่พาวิ่งเข้าไปและรีบวิ่งออกมา แล้วยังพูดเล่นว่า เทียนเทียนหนักจัง หนักกว่าแม่อีก เพื่อให้เทียนเทียนมีอารมณ์ดีขึ้น

ในขณะเดียวกัน จางเลี่ยงยังใช้วิธีเปลี่ยนสถานะกันในการสั่งสอนลูก ให้ลูกแสดงเป็นผู้ใหญ่ และเขาแสดงเป็นเด็ก ทำให้เทียนเทียนเข้าใจความรู้สึกของผู้ใหญ่ และเริ่มเป็นลูกผู้ชายขึ้นเรื่อยๆ เวลาออกไปหาของกับเด็กคนอื่น ก็ช่วยเด็กผู้หญิงถือตะกร้าหนัก เพราะจางเลี่ยงมักบอกเขาว่า เทียนเทียนเป็นผู้ชาย และเป็นพี่ด้วย ต้องดูแลน้องๆ ให้ดี เวลากินข้าว เทียนเทียนสังเกตว่า เจ้าหน้าที่จัดรายการยังไม่ได้กินข้าว จึงเรียกให้เจ้าหน้าที่มากินด้วยกัน

พร้อมกับการออกอากาศที่ผ่านไปหลายตอน ทำให้ผู้ชมยิ่งรู้สึกชอบเทียนเทียนมากขึ้น ครั้งหนึ่งที่พ่อ 5 คนต้องแข่งทำกับข้าว เด็กๆ จะมีดอกหญ้า 2 กิ่งถือไว้เพื่อให้คะแนน ถ้ารู้สึกว่าพ่อคนไหนทำกับข้าวอร่อยที่สุด ก็จะนำไปมอบให้ พ่อที่ได้รับดอกหญ้าน้อยที่สุดต้องได้รับการลงโทษ แม้ว่าจางเลี่ยงทำกับข้าวได้ดี

แต่วันนั้นโชคไม่ดีได้เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น เทียนเทียนจึงวิ่งออกไป ถึงแม้เจ้าหน้าที่พยายามเรียกก็ไม่กลับมา จางเลี่ยงนึกว่าเทียนเทียนหนีจึงตามไปเรียกให้กลับ และว่าถ้าเทียนเทียนไม่กลับตนก็แพ้แน่ และถ้าแพ้จะโทษเทียนเทียนนะ เทียนเทียนจึงตอบว่า เขาแค่ต้องการออกไปเด็ดหญ้าอีกต้นหนึ่งมาให้พ่อเท่านั้น ทำให้จางเลี่ยงซาบซึ้งใจมาก

เมื่อตอนไปที่ทะเลทราย ผู้ดำเนินรายการอยากทดสอบความรับผิดชอบของเด็กๆ จึงให้เด็กๆ เฝ้าดูแลไข่ไก่ พ่อแต่ละคนต่างกำชับลูกๆ ว่า ไข่เหล่านี้ไม่นานก็จะฟักออกมาเป็นลูกเจี๊ยบ ต้องดูแลให้ดี โดยมีแผนให้พ่ออีกคนหนึ่งเข้าไปทำให้ไข่แตก เพื่อดูว่าเด็กทุกคนจะทำอย่างไร เทียนเทียนได้ไปเก็บไข่มาต่างหากอีกฟองหนึ่งและตั้งชื่อว่า จางเสี่ยวหม่า เขารับผิดชอบดูแลจางเสี่ยวหม่าและไข่ไก่อีกสองฟอง ผู้ดำนินรายการให้เถียนเลี่ยงเข้าไปทำลาย เถียนเลี่ยงพยายามทำให้จางเสี่ยวหม่าตกสู่พื้นและแตกได้สำเร็จ

แต่เทียนเทียนไม่ได้อารมณ์เสียใส่และหาทางออกด้วยการโกหกพ่อว่า ไข่ที่แตกไม่ใช่จางเสี่ยวหม่า โดยเขาไม่รู้ว่า พ่อได้เห็นความเป็นไปของเรื่องทั้งหมดที่อีกห้องหนึ่ง จางเลี่ยงจึงแกล้งกล่าวว่า ไข่อีกสองฟองที่เหลือลายไม่เหมือนจางเสี่ยวหม่า เทียนเทียนรู้ว่าโกหกต่อไปไม่ได้แล้ว จึงยอมรับสารภาพและกล่าวขอโทษออกมาว่า ผมไม่อยากให้พ่อรู้ว่าจางเสี่ยวหม่าแตกแล้ว ไม่อยากให้พ่อเสียใจจึงโกหก พ่อตีผมเถอะ น้ำตาไหลไปพลางแต่ก็ยังยิ้มพูดปลอบใจพ่อว่า ไม่เป็นไร ทำให้พ่อคนอื่นที่ดูวิดีโอที่อีกห้องหนึ่งซาบซึ้งใจไปตามๆ กัน รวมถึงผู้ชมที่อยู่หน้าโทรทัศน์จำนวนมากที่ต่างก็น้ำตาไหล

นอกจากนี้ เทียนเทียนยังเป็นเด็กที่ชอบแสดงความรักต่อพ่อ เขามักบอกจางเลี่ยงว่า ผมรักพ่อ หรือ พ่อเก่งมาก กับข้าวของพ่ออร่อยที่สุด ในอีกด้านหนึ่ง เนื่องจากจางเลี่ยงเป็นนายแบบ ทำให้เทียนเทียนก็มีทักษะเป็นนายแบบตัวน้อยๆ ชอบใส่เสื้อหล่อๆ ชอบที่จะเดินบนเวทีเหมือนนายแบบ มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากมายว่า ดูรายการ "พ่อจ๋า เราจะไปไหน" ตอนแรกเพราะอยากดูคู่พ่อลูกหลินจื้ออิ่ง แต่ตอนนี้กลับชอบจางเลี่ยงและเทียนเทียนมากกว่าแล้ว ซึ่งจำนวนผู้ติดตามในทวิตเตอร์จีนของจางเลี่ยงก็เพิ่มขึ้นจากเพียง 1 แสนไปเป็นกว่า 5 ล้านคนแล้ว