ระหว่างบรรทัด :การปรับตัวของหน่วยงานรัฐจีนโดยใช้สื่อใหม่เพื่อสื่อสารกับประชาชน (ตอนที่ 2 )
  2013-11-29 10:14:49  cri

ชาวจีนนิยมใช้อินเตอร์เนตและสื่อสมัยใหม่เพิ่มขึ้นมาก

นอกเหนือจากเวปไซต์แล้ว การสื่อสารผ่านสื่อใหม่เช่น ไมโครบล็อค และวีแชต ได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวจีน ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 17 กรกฏาคมที่ผ่านมา ศูนย์ข้อมูลข่าวสารสารสนเทศและโครงข่ายอินเตอร์เน็ตแห่งชาติจีน (China Internet Network Information Center: CNNIC) รายงานการสำรวจตัวเลขผู้ใช้งานสื่อสมัยใหม่ในรอบครึ่งปี พบว่า จนถึงปลายเดือนมิถุนายนปี 2013 จีนมีผู้ใช้ไมโคร บล็อก ซึ่งเป็นการสื่อสารข้อความสั้นผ่านอินเตอร์เน็ตซึ่งมีลักษณะเดียวกับทวิตเตอร์ จำนวน 331 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 56% ของผู้ใช้อินเตอร์เนตทั้งหมดในจีน โดยมีผู้ใช้ไมโครบล็อกผ่านสมาร์ทโฟน 230 ล้านคน

รายงานระบุเพิ่มเติมว่า นอกจากไมโครบล็อก จะทำให้ข่าวสารแพร่ กระจายอย่างรวดเร็วแล้ว หลายเรื่องยังกลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคมที่ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง จนมีผู้ติดตามข่าวสารจำนวนมาก เนื่องจากไมโครบล็อกได้รวบรวมเนื้อหาหลากหลาย ทั้งข่าวสาร สาระ บันเทิง เศรษฐกิจและข้อมูลการตลาด ซึ่งสอดรับกับความต้องการของผู้คนที่ต้องการข้อมูลกระชับในเวลาสั้นๆ ขณะเดียวกัน ไมโครบล็อกก็กลายเป็นพื้นที่ให้คนทั่วไปได้แสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นต่างๆที่เป็นความสนใจร่วมกันหรือส่งผลกระทบโดยรวมต่อสังคมด้วย

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารสารสนเทศและโครงข่ายอินเตอร์เน็ตแห่งชาติจีนระบุในการประชุมที่เมืองเซินเจิ้นก่อนหน้านี้ว่า ปัจจุบัน ยอดจำนวนเลขที่บัญชีไมโครบล็อกกิจการเกี่ยวกับการเมืองของจีนมีถึง 80,000 บัญชี ไมโครบล็อกได้กลายเป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่าง "ชาวเน็ตที่สนใจกิจการการเมือง" กับ "รัฐบาลที่ประกาศนโยบายทางการเมือง" นอกจากใช้เพื่อเป้าหมายในการสื่อสารระหว่างกันแล้ว ยังเป็นพื้นที่ประชาสัมพันธ์ ประกาศข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว ทันท่วงที

เดือนพฤศจิกายนปี 2011 "ห้องประกาศไมโครบล็อกปักกิ่ง" ซึ่งเป็นบล็อกกิจการการเมืองระดับมณฑลแห่งแรกเปิดขึ้น ต่อจากนั้นสองสัปดาห์ก็มีแฟนกว่า 3 ล้านคน ไมโครบล็อกกิจการการเมืองของฝ่ายบริหารนครเซี่ยงไฮ้ก็มีผู้ติดตามหลายแสนคนเช่นกัน

ชาวจีนเริ่มรู้จักไมโครบล็อกในปี 2009 จากนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว พัฒนาจนตัวมันเองกลายเป็นพื้นที่สื่อ(Media Platform)เพื่อสื่อสารของชาวจีน ปลายเดือนธันวาคมปี 2011 จีนมีผู้ใช้ไมโครบล็อกจำนวน 250 ล้านคน เพิ่มขึ้น 296% เติบโตขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปลายปี2010 และจนถึงขณะนี้ก็มีจำนวนกว่า 300 ล้านคนแล้ว

เรื่องราวที่ถูกโพสต์ในไมโครบล็อค มีความเป็นไปได้ที่จะถูกหยิบฉวยมาใช้โดยสื่อ นักวิชาการ หรือส่งต่อไปยังคนอื่นๆและแพร่ขยายได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือดาราหลายๆ คนก็มีผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของเขาจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังมีรายงานฉบับล่าสุดจากศูนย์ข้อมูลข่าวสารสารสนเทศและโครงข่ายอินเตอร์เน็ตแห่งชาติจีนระบุว่า จนถึงสิ้นเดือน มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในจีนมากถึง 591 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 44.1 ของประชากรชาวจีน โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2256 พบผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 26,560,000 คน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปลายปี 2555

หากดูจากรายงานตัวเลขของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน จะพบว่าเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว คือในปี 2009 มีจำนวน 384 ล้าน คิดเป็นร้อยละ28.9 แต่ในปีนี้ แค่เพียงครึ่งปี 2013 มีจำนวน591 ล้าน

รายงานฯ ยังระบุว่า "โทรศัพท์มือถือ"กลายเป็นช่องทางหลักที่นักท่องเน็ตจีนใช้ โดยพบว่า กลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจีนจำนวน 464 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้ใช้ทั้งหมด เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่าน "โทรศัพท์มือถือ" และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปลายปี 2555 พบว่าเพิ่มสูงขึ้น 43,790,000 คน

จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การใช้เว็ปไมโครบล็อคที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังช่วยขยายการทำธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ รวมทั้งธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การขนส่ง ไปรษณีย์ กิจการสื่อสาร โทรศัพท์ มือถืออัจฉริยะ แท็บเล็ตและ อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ

เช่นเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นวันคนโสดของจีน หรือ "ซิงเกิลล์ เดย์" ซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 11 เดือน 11 ของทุกปี (ถือเคล็ดจากตัวเลข 1 ที่แสดงถึงการไร้คู่)โดยหนุ่มสาวชาวจีนทั้งที่โสดและไม่โสด ต่างพากันชอปปิ้งออนไลน์กันมากมาย เว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ชื่อดังของจีนอย่าง Taobao.com และ Tmall.com จัดโปรโมชั่นตลอด 24 ชั่วโมง มีคนแห่คลิกซื้อของมูลค่ามากถึง 35,000 ล้านหยวนหรือประมาณ 5,700 ล้านดอลลาร์5 หมื่นล้านบาทภายในวันเดียว ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมจากขาช้อปออนไลน์ของจีนคือ เสื้อผ้า เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ สินค้าไอที และเครื่องใช้ภายในบ้าน โดยยอดขายเติบโตขึ้นร้อยละ 83 จากปีที่แล้ว และมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวในเว็บทั้ง 2 แห่ง หรือคิดเป็นจำนวนมากกว่า 402 ล้านคน

นักวิเคราะห์ประเมินยอดขายรวมของผู้ประกอบการออนไลน์ 10 อันดับแรกของจีน ว่าจะมีมูลค่าเกิน 80,000 ล้านหยวนในวันดังกล่าว แม้ตัวเลขยอดขายจากร้านค้าออนไลน์อื่น ๆ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาก็ตาม

แม้ว่าสถานการณ์การใช้และเข้าถึงอินเตอร์เน็ตในประเทศจีน จะยังมีข้อจำกัดเพราะเว็ปไซต์ต่างๆต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากทางการจีนไม่สามารถเข้าถึงเว็ปไซต์บางกลุ่มได้โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองหรือเรื่องที่มีความอ่อนไหว แต่ข้อจำกัดดังกล่าวไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจนี้ เพราะจีนได้มีสื่อใหม่ให้บริการสร้างพื้นที่สื่อสารแก่ประชาชนไม่แตกต่างกันกับนานาชาติ เช่น มีไป่ตู้ (Baidu) แทน กูเกิล (Google) มีเวยป๋อ (Weibo) แทน ทวิตเตอร์ (Twitter) มีเหรินเหริน (Renren) แทน เฟซบุ๊ก (Face book ) มี โยวคู่ (Youku) และถู่โต้ว (Tudou) แทนยูทิวบ์ (Youtube)

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของสื่ออินเตอร์เน็ตก็ทำให้ทางการจีนมีความกังวลต่อผลกระทบที่ไม่พึงปรารถนาอยู่ไม่น้อย ในปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นในการเผยแพร่คลิปวีดีโอต่างๆ บนโลกออนไลน์ โดยขอผู้ให้บริการเว็ปไซต์ต่างๆ ตรวจสอบคลิปวีดีโออย่างละเอียด ก่อนที่จะมีการโพสต์ขึ้นสู่สาธารณะ เนื่องจากพบว่า มีคลิปจำนวนมากมีเนื้อหาผิดศีลธรรมดีงาม และเสริมสร้างความรุนแรงแก่ผู้ชมในโลกไซเบอร์

จากตัวเลขของอัตราเติบโตของสื่อใหม่ในประเทศจีนข้างต้น ทำให้รัฐบาลจีนไม่อาจละเลยและมองข้ามพลังของสื่อใหม่ดังกล่าว ด้วยเหตุนี้เอง หน่วยงานภาครัฐ ราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ จึงต้องเร่งปรับตัวเอง สร้างช่องทางสื่อใหม่ เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารกับประชาชนชาวจีนได้อย่างรวดเร็ว

สื่อใหม่เหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฉมหน้าของจีนในอนาคตด้วยอย่างแน่นอน

โสภิต หวังวิวัฒนา เรียบเรียง

2013-11-27

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040