สถานีวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า วันที่ 16 ธันวาคมนี้ นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐที่อยู่ระหว่างการเยือนเวียดนามเดินทางถึงกรุงฮานอย และได้พบปะเจรจากับนายเหงียน เติ๋น สุง (Nguyen Tan Dung) นายกรัฐมนตรี และนายฝ่าม บิงห์ มิงห์ รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้า และความมั่นคง
แหล่งข่าวรายงานว่า นายจอห์น แคร์รีเดินทางถึงนครโฮจิมินห์เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา เริ่มเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วันหลังเสร็จสิ้นการเยือนอิสราเอล และปาเลสไตน์ นับเป็นครั้งแรกที่นายจอห์น แคร์รี เดินทางเยือนเวียดนามในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ
สำนักข่าวเวียดนามรายงานว่า วันเดียวกัน นายจอห์น แคร์รีกล่าวคำปราศรัยกับนักธุรกิจทั้งสหรัฐและเวียดนามว่า สหรัฐสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ อีกทั้งยังประกาศว่า มีแผนจะเพิ่มความช่วยเหลือให้แก่เวียดนามมากขึ้น เขายังกล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทสหรัฐหลาย ๆ แห่ง เช่น อินเทล (Intel) ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เจเนอรัล อิเล็กทริก (General Electric Company) ต่างได้ดำเนินธุรกิจในเวียดนามอย่างมีประสิทธิผล ทั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณทางบวกให้แก่นักธุรกิจสหรัฐที่มีแผนจะไปประกอบธุรกิจในเวียดนาม จากนั้น นายจอห์น แคร์รีเดินทางไปเยือนเขตดินแดนสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงในเวียดนามเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยได้กล่าวปาฐกถากับคนในพื้นที่ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่ดังกล่าว
สาเหตุสำคัญที่การเดินทางเยือนเวียดนามของนายจอห์น แคร์รีครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากประชาคมโลกก็เพราะว่า เขาเคยเข้าร่วมการทำสงครามกับเวียดนาม และได้สร้างผลงานมากมายให้กับสหรัฐในสงครามครั้งนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม ต่อมาภายหลัง นายจอห์น แคร์รีได้แสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามกับเวียดนาม ปัจจุบัน สงครามเวียดนามได้สิ้นสุดลงหลายสิบปีแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เช่น ฐานะของนายจอห์น แคร์รี ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเวียดนาม และสถานการณ์ส่วนภูมิภาค เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า เขตดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงเสมือนหนึ่งเป็นสะพานเชื่อมประวัติศาสตร์ของสหรัฐและเวียดนาม ในอนาคต สหรัฐและเวียดนามจะกระชับความร่วมมือด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศในเขตพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อเดือนกรกฎาคมศกนี้ สหรัฐและเวียดนามประกาศสร้างความสัมพันธ์ความเป็นหุ้นส่วนรอบด้าน ปัจจุบัน ยอดมูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 55,000 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 1995 ซึ่งเป็นปีที่ทั้งสองประเทศประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ จึงกล่าวได้ว่า ถึงแม้ว่าทั้งสองประเทศยังคงมีบาดแผลจากสงครามเวียดนามก็ตาม แต่ด้วยการใช้ความพยายามของทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้รับการปรับปรุงดีขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองปีที่ผ่านมา
หลังเสร็จสิ้นการเยือนเวียดนาม นายจอห์น แคร์รีจะเดินทางเยือนฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศสุดท้ายในการเยือนเอเชียของ นายจอห์น แคร์รีครั้งนี้ ระหว่างเยือนฟิลิปปินส์ เขานอกจากจะเดินทางเยือนกรุงมะนิลา ยังจะเดินทางไปเยือนเมืองตักโลบัน (Tacloban) เมืองที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนด้วย
(YIM/cai)
