สอง. เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสาวไม่ได้รับความเป็นธรรม พ่อของหนูน้อยได้ลงทุนซื้อโรงเรียนอนุบาล
ที่เมืองหยิงโข่วมณฑลเลียวหลิงในทางภาคเหนือของจีน พ่อคนหนึ่งเกรงว่าลูกสาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงลงทุนคิดเป็นเงินถึง10ล้านหยวน ซื้อโรงเรียนอนุบาล เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ เขากล่าวว่า ลูกสาวเป็นชีวิตจิตใจของเขา ปีนี้อายุแค่ 4 ขวบ และก็เคยเข้าโรงเรียนอนุบาลอื่นมาแล้ว และรู้สึกว่าไม่ค่อยดี จึงตั้งใจหาเป็นเวลนานในที่สุดก็พบโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ที่มีพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร เขาจึงลงทุน 10 ล้านกว่าหยวนซื้อโรงเรียนและซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอน
3. เด็กชายต้องใช้ 100 หยวนให้หมดทุกวัน มิฉะนั้นจะถูกดุ
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมานี้ สื่อมวลชนเมืองฝูโจวมณฑลฝูเจี้ยนลงข่าวว่า นักธุรกิจแซ่หลินคนหนึ่งจะให้เงินลูกชายวันละ 100 หยวน และบังคับใช้ให้หมด มิฉะนั้นจะถูกดุ เด็กชายคนนี้จำเป็นต้องจ้างเพื่อนนักเรียนที่นั่งข้างๆทำการบ้านหรือไปทำอะไรเล็กๆน้อยๆ สำหรับเรื่องนี้ นักธุรกิจแซ่หลินเห็นว่า การกระทำของลูกของเขาไม่ผิด แถมยังกล่าวอย่างเปิดเผยว่า เมื่อเทียบกับเงินแล้ว เขาคิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่ผู้ปกครองของเพื่อนนักเรียนกลับคิดว่า การกระทำอย่างนี้มากเกินไป และขอร้องให้โรงเรียนช่วยเปลี่ยนที่นั่งให้ลูกของเขานั่งห่างจากลูกชายของนักธุรกิจ
4. เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ มีแฟนเน็ตคนหนึ่งกล่าวในไมโคร บล็อกว่า ที่เมืองอี่วูมณฑลเจอร์เจียงทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เขาได้เห็นขบวนรถหรูหราขบวนหนึ่งกำลังวิ่งมาช้าๆ ในขบวนรถดังกล่าว คันแรกเป็นรถมาเซราติ ส่วนรถที่ตามมาเป็นรถเบนซ์รุ่น S600 มีหนุ่มๆหลายสิบคนหาบมาในขยวน เมื่อถามแล้วจึงรู้ว่า เป็นขบวนหมั้น ของที่หาบอยู่เป็นสินสอดทองหมั้น ตามประเพณีของท้องถิ่น การหมั้นหมายระดับสูงสุดคือ มีหาบ 18 หาบ แบบธรรมดาจะมีเหล้า ของใช้ประจำวันเป็นต้น แต่ของในหาบยังรวมเงินสดจำนวน 8,888,888 หยวน มีนำหนักสูงถึง 102 กิโลเกรม ถึงตอนแต่ง ฝ่ายหญิงจำเป็นต้องเตรียมข้าวของให้มากขึ้นอีกจะได้ไม่น้อยหน้ากัน
สำหรับปรากฎการณ์ทางสังคมเช่นนี้ นักสังคมศาสตร์ก็ให้ความสนใจ นายเหว่ยชิ่งว่าง นักสังคมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยประชาชนแห่งชาติจีนกล่าวว่า "ถู่เหา"หมายถึงกลุ่มร่ำรวยใหม่ที่มีรูปแบบคล้ายกัน พวกเขามีรสนิยมไม่ค่อยสูง แสวงหาความหรูหราอย่างเดียวและชอบโอ้อวดการบริโภค ให้ความสำคัญกับวัตถุเป็นหลัก แต่ไม่ให้ความสนใจด้านจิตใจ หลังจากจีนใช้นโยบายปฏิรูปเปิดสู่ภายนอกเป็นต้นมา คนกลุ่มหนึ่งมีความร่ำรวยยิ่งขึ้นทุกที แม้ว่าพวกเขามีวัตถุทรัพย์สินมากมาย แต่ไม่มีอิทธิพลในสังคม ซึ่งเป็นผลหรือปรากฎการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ สังคมไม่ยอมรับแถมยังถูกประณามอีกต่างหาก แต่ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้เห็นว่า นี่เป็นผลที่เกิดขึ้นของยุคนี้ ประเทศพัฒนาในปัจจุบันก็เคิยมีปรากฎการณ์เช่นี้มาแล้วดังนั้นเขาเห็นว่า การที่จีนมีกลุ่มคนที่เป็น "ถู่เหา"หมายความว่า สังคมจีนกำลังพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง การที่คนธรรมดาเสียดสีพฤติกรรมการบริโภคโดยไม่ใช้สมองของพวก"ถู่เหา"ด้านหนึ่งอาจรู้สึกอิจฉา ไม่ใช่แค้นใจที่พวก"ถู่เหา"มีเงินเยอะ เพียงแต่คิดว่า ทำไม่เราไม่เป็น"ถู่เหา"หรือ"เพื่อนถู่เหา"บ้าง
