หนังสือพิมพ์เหรินหมินรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารพัฒนาเอเชียรายงานว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2013 ลดลงจาก5.6% ในปี 2012 เหลือ 4.9% เนื่องจากเศรษฐกิจอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยชะลอตัว แต่เศรษฐกิจประเทศยุโรป และสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวขึ้น ทำให้การส่งออกของอาเซียนมีแนวโน้มดีขึ้น ปี 2014 อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนจะเพิ่มเป็น 5.3%
รายงานของธนาคารพัฒนาเอเชียระบุว่า ปี 2013 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยลดเหลือ 5.7% 4.3% และ 3.8% ตามลำดับเนื่องจากการส่งออก และการลงทุนลดน้อยลง เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าๆ ประชาคมโลกมีความต้องการน้ำมันปาล์ม และยางพาราธรรมชาติลดน้อยลง การส่งออกถ่านหินของอินโดนีเซีย ข้าวไทย และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของสิงคโปร์ และมาเลเซียลดน้อยลง ขณะเดียวกัน อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ พม่า และเวียดนามในปี 2013 อยู่ที่ 7.6% 7.2 % 7% 6.5% และ 5.2% ตามลำดับ ส่วนอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสิงคโปร์ และบรูไนอยู่ที่ 2.6% และ1.5%
ด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หลังมีการเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อปี 2012 แต่เมื่อถึงปี 2013 กลับลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อัตราการเติบโตของการลงทุนในอินโดนีเซียลดลงเหลือ 5.2% ส่วนอัตราการเติบโตของการลงทุนในไทยลดเหลือ 5.1% จาก 13.3% ในปี 2012
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจจากธนาคารยูโอบีสิงคโปร์เห็นว่า เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา เงินร้อนจำนวนมหาศาลไหลออกจากประเทศอาเซียนกลับสหรัฐฯ เนื่องจากคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ทำให้ตลาดหุ้นในประเทศอาเซียนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เงินรูเปีย เงินบาท และเงินดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนลงมาก นักวิเคราะห์ผู้นี้เห็นว่า ปี 2014 ประเทศอาเซียนยังต้องเผชิญกับแรงกดดันว่าเศรษฐกิจจะตกอยู่ในภาวะซาเซา เพราะเงินเหรียญสหรัฐฯ จะแข็งค่าขึ้น นักลงทุนสากลจะพิจารณาความเสี่ยง และกำไรของตลาดประเทศอาเซียนอีกครั้ง ปีนี้ประเทศอาเซียนยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เงินทุนจะไหลออกไปต่างประเทศ นอกจากนี้ การเลือกตั้งทั่วไปก็ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจไทย และอินโดนีเซียมีความไม่แน่นอน แต่กล่าวโดยรวมแล้ว เศรษฐกิจอาเซียนมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคง
(In/cici)