จีนสนับสนุนการสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21 (1)
  2014-05-05 12:47:09  cri

(เส้นทางสายไหมเป็นเส้นทางโบราณที่ใช้เดินทางคมนาคมขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจีนกับทวีปยุโรป เส้นทางสายไหม เกิดขึ้นมาร่วมหลายพันปีแล้ว เป็นเส้นทางการค้าที่มีโครงข่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ)

เส้นทางสายไหมเป็นเส้นทางโบราณที่ใช้เดินทางคมนาคมขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจีนกับทวีปยุโรป เส้นทางสายไหม เกิดขึ้นมาร่วมหลายพันปีแล้ว เป็นเส้นทางการค้าที่มีโครงข่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ ก่อกำเนิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 206 ก่อนคริสต์ศักราชถึง ค.ศ.220) ในรัชสมัยของฮั่นอู่ตี้ เส้นทางสายไหมเป็นช่องทางสำคัญในการเผยแพร่อารยธรรมโบราณของจีนไปสู่ประเทศตะวันตก และเป็นสะพานเชื่อมในการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมระหว่างจีนกับประเทศตะวันตกด้วย เส้นทางสายนี้จึงมีความสำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของชาวเอเซียเป็นอย่างมาก

เส้นทางสายไหมโบราณเส้นนี้รุ่งเรืองถึงจุดสูงสุดในกลางศตวรรษที่ 8 สมัยนั้น เส้นทางสายนี้เปรียบเสมือนทางด่วนข้อมูลสารสนเทศในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว โดยมีบทบาทสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร วัฒนธรรม รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ระหว่างประเทศยุโรปกับเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน เช่น เทคโนโลยีผลิตกระดาษ ดินระเบิด เข็มทิศ รวมถึงลูกคิด ล้วนแต่เป็นเทคโนโลยีของจีนที่ถูกถ่ายทอดไปยังประเทศตะวันตกผ่านทางเส้นทางสายไหม ขณะเดียวกัน ศาสนาพุทธจากอินเดียก็อาศัยเส้นทางสายไหมนี้เข้าสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา

นอกจากเส้นทางสายไหมทางบก ยังมีเส้นทางสายไหมทางทะเลด้วย

เส้นทางนี้ผ่านมาทางทะเลจีนใต้ ลงมายังช่องแคบมะละกา ผ่านภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าสู่มหาสมุทรอินเดียและเชื่อมต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง ทวีปแอฟริกาและยุโรป

เส้นทางสายไหมทางทะเลปรากฎขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งของจีน (ปีค.ศ.960 ถึง ค.ศ.1279)

เส้นทางสายนี้ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางแลกเปลี่ยนทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกกับตะวันตก จากบันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์ สมัยนั้น มาร์โคโปโล นักเดินเรือชื่อดังชาวอิตาลี ก็ได้เดินทางมาถึงจีนโดยผ่านเส้นทางสายไหมทางทะเล ตอนกลับประเทศ เขาได้ลงเรือที่เมืองเฉวียนโจว ของมณฑลฝูเจี้ยนทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนกลับถึงเวนิสโดยผ่านเส้นทางสายนี้ อย่างไรก็ตาม ต่อมาภายหลัง เส้นทางสายไหมทั้งทางบกและทางทะเลมีบทบาทลดน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากการเกิดสงครามหลายครั้งและปัจจัยอื่นๆ

มาถึงยุคปัจจุบัน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้หยิบยกคำว่า "เส้นทางสายไหมทางทะเล" ขึ้นมากล่าวถึงอีกครั้ง ในระหว่างการเดินทางไปเยือนหลายประเทศอาเซียนช่วงปลายปีที่แล้ว นายสี จิ้นผิงได้กล่าวว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคสำคัญบนเส้นทางสายไหมทางทะเล จีนพร้อมที่จะกระชับความร่วมมือทางทะเลกับอาเซียน เขายังแสดงความเชื่อมั่นว่า เส้นทางสายไหมทางทะเลจะมีบทบาทช่วยผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากช่วงทศวรรษแห่งยุคทองไปสู่ช่วงทศวรรษแห่งยุคเพชร

จีนและ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นหุ้นส่วนทางการค้ากันมายาวนาน ยอดมูลค่าการค้าระหว่างกันเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มูลค่าการลงทุนนั้นอยู่ที่ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าหากเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนก็ได้กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลเช่นกันในระหว่างเปิดการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยย้ำว่า ควรเร่งพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ตามคำริเริ่มของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ความพยายามในการสร้าง "เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21" จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของจีนในการกระชับความร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศรอบข้างในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040