ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคมถึงวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านไป กระทรวงพาณิชย์จีนกับเทศบาลปักกิ่งร่วมกันจัดงานแสดงการค้าภาคบริการนานาชาติปักกิ่ง หรือเรียกว่างานแฟร์ปักกิ่งครั้งที่ 3 ประเทศไทยได้จัดบูธในงานเป็นครั้งแรก เพื่อโปรโมทการค้าด้านการบริการ โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งและหอการค้าไทยในจีนร่วมกันเข้าร่่วมงาน เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่นโยบายและข้อมูลข่าวสารด้านการบริการของไทย โดยเฉพาะจุดเด่นหลายจุดซึ่งแต่ก่อนผู้บริโภคจีนยังไม่ค่อยรู้จัก เช่น การแพทย์ ธุรกิจแอนิเมชัน การศึกษาหลักสูตรอินเตอร์ และอีกหลายอย่างที่โดดเด่นไม่แพ้การท่องเที่ยว

ในงานแฟร์ครั้งนี้ ซีอาร์ไอได้ติดตั้งห้องสัมภาษณ์ในสถานที่จัดงานด้วย โดยเชิญเจ้าหน้าที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารของบริษัทที่ไปร่วมงานและตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ไปให้สัมภาษณ์ สำหรับตัวแทนฝ่ายไทยที่ได้รับเชิญไปให้สัมภาษณ์กับซีอาร์ไอ คือนายบุญรักษ์ ทรัพยาขจร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการลงทุน 2 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และนายอภิพงษ์ คุณากรบดินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานปักกิ่งของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน อัครราชทูตที่ปรึกษาของสถานเอกอัคคราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ทั้งสองท่านได้นำเสนอจุดเด่นทางด้านการบริการของไทยซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของการเข้าร่วมงานแฟร์ปักกิ่งครั้งนี้

ระบบเศรษฐกิจของไทย GDP มากกว่า 70% มาจากภาคบริการ รัฐบาลให้ความสำคัญมากกับภาคบริการ และมีกิจการหลายอย่างที่ต้องการเผยแพร่ให้ประเทศต่างๆ ได้รับทราบว่าประเทศไทยมีอะไรบ้าง ไปเยี่ยมบูธของประเทศไทยก็จะได้รับรายละเอียดมากกว่า ภาคบริการที่คนจีนทราบอย่างดีคือบริการด้านการท่องเที่ยว ขณะนี้ ประเทศไทยเน้นการท่องเที่่ยวที่มีคุณค่า ที่มางานนี้ก็ต้องการให้ชาวจีนหรือชาวต่างชาติได้ทราบว่า ภาคบิการของไทยมีอะไรเด่นๆ เยอะ คนไทยมีความสามารถด้านการบริการ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้แล้ว ยังมีการบริการด้านการแพทย์ และให้การส่งเสริมเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคนไปเที่ยวหรือคนไปลงทุน อย่างเช่นการบริการทางด้านการแพทย์ด้วยการรักษาและผ่าตัด จะเน้นเทคโนโลยี ชาวตะวันตกหรือชาวตะวันออกกลางเขานิยมไปประเทศไทยเพื่อการรักษาในลักษณะพักผ่อนไปด้วย คือตกลงกับหมอก่อนว่าจะทำอะไร โรงพยาบาลที่จัดให้เป็นโรงพยาบาลระดับ 5 ดาว แบบโรงแรมหรู มีการจัดห้องพัก หลังจากผ่าตัดแล้วจะได้มีการรีแล็คส์และพักผ่อน คิดว่าคนจีนในอนาคตมีกำลัง เมื่อเทียบกับการบริการกับค่าใช้จ่าย เมืองไทยเหมาะสมที่สุด จึงมาโปรโมททางด้านนี้ในงาน จะเน้นโปรโมทเครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนเครื่องมือแพทย์และมาตรฐานการรักษา ดูแลเรื่องของมาตรฐานและความปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ประเทศไทยได้ปรับปรุงเยอะในด้านบริการ เรื่องของเภสัชกรรม เรื่องของยา ยาต้องมีมาตรกฐาน การพัฒนาของคุณหมอ เรื่องของกฎหมาย เป็นต้น ประเทศไทยให้ความสำคัญกับทางด้านนี้มาก