สำนักข่าวซินหัวและหนังสือพิมพ์เหรินหมินรื่อเป้าต่างรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ยื่นรายงานตรวจสอบคำแถลงของนายโคโนะต่อรัฐสภาญี่ปุ่นโดยระบุว่า เนื้อหาและข้อความในคำแถลงของนายโคโนะได้รับการก้าวก่ายจากรัฐบาลเกาหลีใต้ในเวลานั้น ซึ่งถูกคัดค้านอย่างเด็ดขาดจากจีน เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ การกระทำของนายชินโซ อาเบะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เขามีจริยธรรมตกต่ำ

คำแถลงโคโนะคือคำแถลงของอดีตนายกรัฐมนตรีโยเฮอิ โคโนะเมื่อปี 1993 ในคำแถลง เขายอมรับว่า ทหารญี่ปุ่นได้เข้าร่วมพฤติกรรมการก่อสร้างสถานบำเรอที่คาบสมุทรเกาหลีและจีน และยังบังคับให้สตรีท้องถิ่นเป็นทาสบำเรอกามทหาร เขาเองรู้สึกปวดร้าวใจอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงสตรีเหล่านั้นที่ต้องประสบกับความเจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานเหลือคณานับ จึงขอขมาและสำนึกผิดอย่างที่สุด รัฐบาลชุดต่อมาของญี่ปุ่นล้วนยอมรับคำแถลงโคโนะเป็นจุดยืนทางการของรัฐบาลญี่ปุ่นในปัญหานี้มาโดยตลอด

ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เด็ดขาด การบังคับให้สตรีเป็นทาสบำเรอกามทหารเป็นการกระทำที่ต่อต้านมนุษยธรรมของลัทธิรัฐทหารญี่ปุ่นขณะรุกรานและยึดครองดินแดนของประเทศอื่นๆในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมเพื่อความสามัคคีในเอเชียที่เกี่ยวกับปัญหาหญิงบำเรอของทหารญี่ปุ่นที่จัดขึ้นที่โตเกียวนั้น ผู้แทนจากติมอร์ตะวันออกก็เปิดเผยพฤติกรรมที่ทหารญี่ปุ่นทำร้าย และบังคับให้สตรีเป็นทาสกาม ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมนี้ได้ดำเนินในขอบเขตที่กว้างใหญ่และมีผลกระทบที่ร้ายแรงถึงขนาดไหนแล้ว

ดังนั้น ไม่ว่าจากความรับรู้ทั่วไป หรือว่าจากอารมณ์เคียดแค้นหรือจากมุมมนุษยธรรม ต่อหน้าหลักฐานมากมาย ทั่วโลกล้วนหวังว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะปฏิบัติตามหรือเพิ่มเติมเนื้อหาของคำแถลงโคโนะต่อไป และรับรองว่าญี่ปุ่นเป็นผู้รับผิดชอบสำคัญในปัญหานี้ และให้การชดเชยอย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลนายชินโซ อาเบะกลับทำตรงกันข้าม และหมายจะยกเลิกคำแถลงโคโนะให้ถึงที่สุด

กล่าวได้ว่า การตรวจสอบคำแถลงโคโนะครั้งนี้จะเป็นกระจกบานหนึ่ง ซึ่งสามารถจะสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นขาดแคลนความน่าเชื่อถือในโลก และกลุ่มนักการเมืองปีกขวาที่มีนายชินโซ อาเบะเป็นหัวหน้านั้นมีจริยธรรมที่ตกต่ำ และขาดแคลนมาตราฐานขั้นต้นด้านการเคารพสิทธิมนุษยชน

Yim/LJ