หลังเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าว ทางการจีนก็เริ่มต้นกลไกรับมือฉุกเฉินทันที โดยวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนสั่งการให้ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยเป็นอันดับแรก วันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเดินทางถึงศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว เพื่อระดมกำลังจัดการกู้ภัย เช้าตรู่วันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ทหารจำนวนกว่าหมื่นนายก็เดินทางถึงเขตประสบภัยร้ายแรงแล้ว
ขณะเดียวกัน หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางและท้องถิ่น ด้านการคมนาคม อุตุนิยมวิทยา สำนักงานข้าราชการพลเรือนและโรงพยาบาล ล้วนมีปฏิบัติการทันทีภายใต้การชี้นำของศูนย์บัญชาการ อาทิ กระทรวงพลเรือนและกรมพลเรือนมณฑลยูนนานได้จัดส่งกระโจมกว่า 60,000 หลัง ผ้าห่มกว่า 40,000 ชุดไปให้กับประชาชนเขตประสบภัย หน่วยงานโทรคมนาคมพยายามรักษาความคล่องตัวการสื่อสาร หน่วยงานาไฟฟ้าพยายามซ่อมแซมสายไฟฟ้าและอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าที่ถูกทำลาย หน่วยงานการรถไฟ การบินพลเรือนก็เปิดช่องทางพิเศษสำหรับการขนส่งวัตถุและเจ้าหน้าที่กู้ภัย เป็นต้น
ที่หมู่บ้านชุ่ยผิงตำบลหรงโถวซานซึ่งเป็นศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เห็นว่า ทหารที่ร่วมกู้ภัย นอกจากค้นหาผู้ประสบภัยท่ามกลางซากปรักหักพัง และขนส่งผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังมีหน้าที่แจกอาหารให้กับประชาชน และตั้งเต้นท์ให้กับผุ้ประสบภัยที่ไม่มีที่พักอาศัยแล้ว
ด้วยการใช้ความพยายามของฝ่ายต่างๆ จนถึงขณะนี้ หน่วยงานกู้ภัยได้ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยกว่า 200 คน ขนส่งผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 500 คน และช่วยอพยพประชาชนผู้ประสบภัยกว่า 10,000 คน
รองศาสตรจารย์หวาง หงเห่วยจากสถาบันบริหารสาธารณะมหาวิทยาลัยประชาชนจีนกล่าวว่า กลไกรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินของจีนมีประสิทธิภาพสูงในด้านการจัดสรรทรัพยากร มีความเหนือกว่าคือ เมื่อเกิดภัยธรรมชาติขึ้นมา ก็สามารถระดมสรรพกำลังและทรัพยากรจากทั่วประเทศภายในเวลาสั้นที่สุด ปีหลังๆ นี้ ระบบนี้ได้รับการปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยเฉพาะมีการเน้นภาระหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่น และทำให้การรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
(In/Lin)