กาสะลอง ส่องจีน (ปฐมบท) ตอนที่ 1.2 จากความเชื่อในเรื่องของกฎแห่งการแลกเปลี่ยนสู่ความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ : แนน จิรนันท์ อมรประดิษฐ์กุล
  2014-11-21 14:18:37  cri

"... ทำอะไรทุกอย่าง ต้องทำเต็มที่ ถ้าเรารู้สึกเสียใจ แสดงว่ามันยังไม่เต็มที่ ทุกอย่างบนโลกมันคือความสมดุล...เมื่อไหร่ที่เราท้อแท้ใจที่สุด ให้กลับไปหาคนที่จะให้กำลังใจกับเราได้มากที่สุด เชื่อเถอะว่าไม่มีวันที่เราจะคงที่ จะต้องมีวันที่ดาวน์ลงไปอีกแน่ ๆ..."

จากเด็กต่างจังหวัดที่ถูกจัดกรอบด้วยครอบครัวคนจีน จนทุกวันนี้กลายมาเป็นนักเรียนทุนรัฐบาล จากความเชื่อในเรื่องของกฎแห่งการแลกเปลี่ยนสู่ความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ แนน จิรนันท์ อมรประดิษฐ์กุล (ตอนที่ 2)

เราเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์ครั้งนี้?

ที่ชัด ๆ เลยคือตอนเวลาเราเข้าหาลูกค้า เหมือนเราอ่ะยังเด็ก เวลาเราไปเจอผู้ใหญ่ มันต้องมีบุคลิกภาพหรือวิธีการพูดที่มันดูน่าเชื่อถือ ตรงนี้แหละที่เราเสีย คือเสียแล้วเสียเยอะมาก ก้าวแรกที่เราเดินเข้าไปเราไม่รู้ เราไปหาหลาย ๆ ร้าน แค่ยื่นนามบัตรให้เขา เวลายื่นนามบัตรก็ต้องยื่นสองมือ นั่นก็สอบตกตั้งแต่แรกพบแล้ว (หัวเราะ) หรืออย่างการพูด ก็ต้องพูดในสิ่งที่คนอื่นอยากฟัง ต้องมีไหวพริบ อย่าคิดว่าเรายังเป็นเด็ก ถ้าเราคิดว่าตัวเราเด็ก เข้าไปแล้วเขาก็ไม่อยากคุยอยากคบด้วย อยากคุยกับผู้ใหญ่มากกว่า ภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้อีก ภาษาจีนพวกที่เกี่ยวกับธุรกิจก็ไม่ค่อยแม่น จึงเป็นเหตุที่ตัดสินใจจะเรียน ป.โททางด้านธุรกิจ เพราะเรารู้สึกว่า ณ เวลานั้นเราช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย แต่เขาให้เงินเรา เรารู้สึกว่ามันต้องมีการแลกเปลี่ยนสิ เขาให้ตังค์เรา แต่เราช่วยเขาไม่ได้ ทั้งที่เราทำเต็มที่ทุกอย่างแต่ผลมันยังไม่ได้

ช่วงนั้นเราท้อแท้มาก แต่พี่คนที่รับเราเข้าทำงานยังคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ รู้สึกเลยตอนนั้นว่าเมื่อไหร่ที่เราท้อแท้ใจที่สุด ให้กลับไปหาคนที่จะให้กำลังใจกับเราได้มากที่สุด เชื่อเถอะว่าไม่มีวันที่เราจะคงที่ จะต้องมีวันที่ดาวน์ลงไปอีกแน่ ๆ ความเชื่อในเรื่องของกฎแห่งการแลกเปลี่ยน? เหมือนอันนี้อาจจะเป็นเรื่องเหนือธรรมชาตินะ เราเชื่อว่าถ้าตอนนี้เราไม่มีงาน แสดงว่าเราไม่ได้ทำอะไรดี ๆ เราเชื่อแบบนี้นะ เราไม่สวดมนต์ไม่เข้าวัด แต่จะทำทาน เคยแบบทุก ๆ วันศุกร์จะซื้อข้าวไปให้ขอทาน 5 คนตรงอู่เต้าโขว(สถานีรถไฟใต้ดิน) หรือถ้าวิทยานิพนธ์ผ่านจะบริจาคเงินร้อยหยวน ขอทุกครั้งแล้วก็ได้ มันก็ต้องมีอะไรแลก ต้องมีอะไรแฟร์ ๆ และช่วงนี้ถ้ารู้สึกงานไม่เข้าเรียนไม่ดี เราต้องคิดแผนอะไรขึ้นมา มันเหมือนติดสินบนข้างบน แต่เราไม่ได้เชื่อว่าจะมีข้างบนนะ แค่รู้สึกว่าถ้าเราทำอะไรให้สังคม สักวันมันจะเด้งกลับมาให้เรา ทุกอย่างบนโลกมันคือความสมดุล อย่างที่บอกว่าการแบ่งปัน ไม่รู้ว่ามันตอบโจทย์ทุกอย่างหรือเปล่า แต่มันคือความสมดุล เราชอบทำบุญกับคนแก่ แล้วก็มีคนแก่มาอุปถัมภ์ เหมือนเราทำความดี ไม่นินทาคน ต่อไปจะเป็นคนอย่างนี้ เราก็ได้อีกอย่างหนึ่ง ขอนิยามให้มันเป็นแบบนี้ละกันว่า "ทุกอย่างมันได้มา เสียไป เหมือนได้กำไร และขาดทุน เหมือนมีขาวและมีดำ เหมือนเราขอเราแลกกับอะไรแล้วเราก็ได้มา เหมือนเราขอแล้วเราไม่ทำตามเราก็จะไม่ได้ เหมือนต้องแลกกัน ทุกอย่างมันก็เลยคือความสมดุล"

เรารู้แล้วว่าอยากเป็นนักธุรกิจ แล้วได้ทำอะไรให้มันไปถึงธุรกิจนั้นแล้วบ้าง?

หลังจากเรียนจบป.ตรีด้านภาษาและวัฒนธรรม เราก็ขอทุนต่อแล้วก็ได้มาเรียนป.โทด้านธุรกิจระหว่างประเทศ พอติดเข้ามาแล้วก็รู้สึกว่าการเรียนการสอนช่างต่างจากที่คิดเหลือเกิน นึกภาพตามนะ เราเจอกรณีศึกษาไอศกรีมเซี่ยงไฮ้มา เราก็อยากรู้ว่ามันควรจะแก้อย่างไร แต่นี่สอนเป็นทฤษฎี เพื่อไปทำวิทยานิพนธ์ ไม่ได้เรียนเพื่อเอาใช้ เราอยากได้คำศัพท์ ยกเคสมาให้เราคิด สอนเราสิเอาไปใช้ยังไง ทางหนีทีไล่ ไม่ใช่สอนเพื่อบอกว่าอันนี้ตรงกับทฤษฏีคนชื่อนั้นนี้ แต่ก็เรียนมาจนได้แหละ เขาไม่ได้คาดหวังกับชาวต่างชาติเยอะด้วยแหละมั้ง เลยค่อนข้างชิว ๆ

ทีนี้นอกจากเรียนเราก็คิดว่า คนจะทำธุรกิจต้องจะรู้จักคนเยอะ ๆ ด้วย ความคิดแบบนี้เพิ่งมาตอนเรียนป.โท นึกย้อนกลับไปก็เสียดายหลาย ๆ โอกาส อย่างงานล่ามเราปฏิเสธไปเยอะมากเพราะกลัวว่าจะทำไม่ได้ คิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว แบบทำไมไม่ทำเองวะ ถ้าทำคงเจ๋งไปแล้ว ครั้งหนึ่งมีหนังไทยชื่อ Yes or No เราไปแปลให้จนแฟนคลับจำนวนหนึ่งรู้จักเราในนามแฝงว่า "AJ" ตอนนั้นมีคนตามเราเยอะมาก แอบคิดในใจ เราจะดังแล้ว (หัวเราะ) แต่เราดันตัดบทตัวเองโดยการไม่กล้าไปเป็นล่ามแปลตอนที่มีงานมีทแอนด์กรี๊ดของ ออม-ตี๊นา ครั้งแรกที่จีน มีคนติดต่อมาว่าให้ไปทำ มีแต่ได้กับได้ แต่เราก็ปฏิเสธไป เราคิดว่าภาษาเราไม่เก่งพอ ไม่กล้าแปล ทั้ง ๆ ที่ก็แปลธรรมดา รู้สึกเสียโอกาสไปไกลมากอ่ะ คนที่ไปทำล่ามตอนนั้นเลยดังแบบจะดังเท่าดาราไปแล้ว รู้จักคนกว้างขวางไปหมด เลยเสียโอกาสว่าถ้าเราไปเราอาจจะเป็นเหมือนเขาแล้วก็ได้ ถึงตอนนี้เราจะมีความกดดันอยู่บ้างเพราะเห็นคนเก่งกว่าเราเยอะ แต่ถ้าเราไม่ออกไปรู้จัก เราก็จะโง่อยู่ในช่องของเราแบบนี้ สิ่งที่เสียดายคือมีโอกาสอะไรเข้ามาก็รับ ๆ ไปเถอะ เพราะความไม่รู้ไงมันถึงจะได้รู้

อยากบอกคนไทยที่กำลังจะมาทำธุรกิจในจีนว่า?

เหมือนคนที่จะเข้ามาทำธุรกิจที่นี่ตอนนี้ ถ้าจะตีตลาดแนะนำให้เข้าทางตลาดออนไลน์ และศึกษาระบบการซื้อขายออนไลน์ของจีนให้มาก ๆ เพราะเดี๋ยวนี้คนจีนนิยมซื้อของในเน็ตมากกว่าข้างนอก เพราะเว็บไซต์มันค่อนข้างครบ สั่งง่าย ส่งถึงมือ อย่างเวลาเราศึกษา Taobao มันจะต้องมีการสมัครสมาชิกก่อน ต้องมีบัญชี ถ้าชาวต่างชาติจะมาสมัครก็ต้องมีคนจีนรับรอง ข้อจำกัดจะค่อนข้างเยอะ ถ้าไม่รู้ภาษาจีนก็จะยิ่งทำการค้ากับคนจีนลำบากเข้าไปใหญ่ ควรต้องรู้ภาษาจีน รู้พื้นฐานคนจีน สังคมจีน วัฒนธรรมจีน ประวัติศาสตร์จีนเป็นไง จึงพอจะทำการค้าที่นี่ได้

จุดปลากรายสัปดาห์หน้า จากนักเรียนโอลิมปิกวิชาการคอมพิวเตอร์สู่ว่าที่ดอกเตอร์ผู้บุกเบิกวงการพระเครื่องไทยในแผ่นดินจีน : ภัณฑิล จงจิตรตระกูล

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040