สำหรับชนเผ่าปู้อี ใบไม้เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ชาวปู้อีชอบบรรเลงเพลงด้วยใบไม้ เพราะใบไม้เป็นสิ่งที่หาได้ง่าย เสียงที่เป่าออกมาก็ไพเราะน่าฟังมาก เด็กๆ ส่วนใหญ่เล่นได้เก่งมาก สำหรับตัวเขาเอง เริ่มฝึกเล่นเพลงชนเผ่าปู้อีตั้งแต่อายุ 7 ขวบ หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขากลับมาสอนดนตรีชนเผ่าปู้อีในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งที่บ้านเกิด เครื่องดนตรีที่เขาชำนาญที่สุดคือ ซอเอ้อร์หู และซอเย่ว์ฉิน เขาชอบเล่นเพลงชนเผ่าปู้อีด้วยเครื่องดนตรีสองชนิดนี้
นอกเหนือจากเครื่องดนตรีแล้ว ชุดแสดงและเครื่องประดับของนักแสดงเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการแสดงดนตรีชนเผ่าปู้อี นายหลัว ฉีเหว่ยเล่าให้ฟังว่า เวลาแสดงในงาน นักแสดงต้องใส่ชุดประจำชนเผ่า ใช้เครื่องประดับพื้นบ้าน กล่าวอีกนัยหนึ่ง การแสดงดนตรีชนเผ่าปู้อีก็เป็นการแสดงแฟชั่นของชนเผ่านี้ด้วย ชุดการแสดงมีสีสันหลากหลาย ปักลวดลายที่สวยงามมาก ทุกชุดเป็นฝีมือของชาวบ้านเอง ทั้งนี้ทำให้การแสดงดนตรีชนเผ่าปู้อีมีสีสันและเข้มข้นด้วยกลิ่นไอวัฒนธรรม จึงได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายโหล ฉีหมิง ช่างตัดเสื้อในหมู่บ้านหยาง ฉาง บอกผู้สื่อข่าวว่า เขารับตัดเสื้อผ้าประจำชนเผ่าให้เฉพาะคนในหมู่บ้านเท่านั้น ผ้าที่ใช้ในการตัดเย็บเป็นผ้าที่คนในหมู่บ้านทอเอง นอกจากรับตัดเย็บเสื้อผ้าแล้ว เขายังทำหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์ชนเผ่าปู้อีชนิดต่างๆ จำหน่ายด้วย เช่น กระเป๋า และเครื่องประดับต่างๆ
นายโหล ฉีหมิง ยังกล่าวว่า หมู่บ้านที่เขาอยู่มีวัฒนธรรมพื้นบ้านที่เข้มข้นมาก คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่เล่นและร้องเพลงชนเผ่าปู้อีได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ปัจจุบัน คนในหมู่บ้านไม่ว่าชายหรือหญิง อายุมากหรือน้อยล้วนชอบร้องเพลงพื้นบ้าน กล่าวได้ว่า ชาวปู้อีทุกคนเติบโตขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงพื้นบ้านที่ไพเราะ ส่วนชุดการแสดงที่เราสวมใส่ เครื่องดนตรีที่เราใช้ในการบรรเลง ชาวบ้านเป็นผู้ผลิตเองทุกชิ้น ปัจจุบัน ดนตรีได้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของชนเผ่าปู้อี เสียงเพลง และเสียงดนตรีชนเผ่าปู้อีได้สร้างความสุข ความรัก ความสามัคคีให้กับคนในหมู่บ้าน ทำให้คนในหมู่บ้านรักชาติ รักหมู่บ้าน มีน้ำใจต่อนักท่องเที่ยว
และยังทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมของชนเผ่าปู้อีอีกด้วย