สังคมปัจจุบัน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมาก มีทั้งข่าวดีและข่าวไม่ดี อย่างเช่นเรื่องอาหาร ก่อนหน้านี้ สังคมจะจับตาปัญหาความยากจน ปัญหามีอาหารเพียงพอไหม แต่เดี๋ยวนี้ โฟกัสไปที่ความปลอดภัยของอาหารมากกว่า เริ่มแรกจะสนใจการใช้ยาฆ่าแมลงส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพ จนถึงทุกวันนี้ ผู้คนพุ่งสนใจไปที่การตัดต่อพันธุกรรมของผักและผลไม้ การฉีดสารเร่งสัตว์เลี้ยง
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้านสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯมีรายงานเผยว่า หลังจากทดลองกับสัตว์มาแล้ว พบว่าการรับประทานอาหารตัดต่อพันธุกรรมมีความเสี่ยงในการทำลายสุขภาพ รวมทั้งทำให้ตั้งครรภ์ยาก เกิดปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน แก่เกินวัย อินซูลินผิดปกติ เกิดการเปลี่ยนแปลงในอวัยวะและระบบย่อยอาหาร รายงานฉบับนี้ ยังเน้นว่าอาหารตัดต่อพันธุกรรมเป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อผู้ป่วย เสนอบรรดาแพทย์อย่าให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารตัดต่อพันธุกรรม และสอนให้ชาวบ้านรู้จักอาหารตัดต่อพันธุกรรม อย่ารับประทานอาหารเหล่านี้ดีกว่า
หลักฐานเกี่ยวกับการทำลายสุขภาพของอาหารตัดต่อพันธุกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ชี้ว่า พันธุกรรมที่เติมเข้าไปในอาหาร เช่น ถั่ว นั้น หลังจากรับประทานแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะย้ายไปอยู่ในดีเอ็นเอของเชื้อแบคทีเรียในลำใส้ของมนุษย์ และจะแสดงบทบาทต่อไป ไม่ได้รับประทานอาหารตัดต่อพันธุกรรมอีก แต่ยังมีโปรตีนตัดต่อพันธุกรรมที่แฝงอยู่ในร่างกาย เชื้อแบคทีเรียในลำใส้กลายเป็นโรงงานผลิตที่ไม่หยุดนิ่ง จะทำงานตลอดจนถึงวันที่เราสิ้นชีวิตไป
เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯได้ยืนยันว่าหนูขาวที่รับประทานข้าวโพดตัดต่อพันธุกรรมเป็นเวลานานนั้น ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลาย ผลงานดังกล่าวมีการตีพิมพ์ในวารสารการเกษตรกับอาหารเคมีในปีเดียวกัน และในเดือนเมษายนปีเดียวกันนั้น กระทรวงความปลอดภัยด้านอาหารของสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ ประกาศยกเลิกคู่มืออุตสาหกรรมเกี่ยวกับการปลูกข้าวโพดตัดต่อพันธุกรรมประเภท CRY 9C ที่ประกาศไว้เมื่อหลายปีที่แล้ว เหตุผลสำคัญก็คือ คิดว่าพืชชนิดนี้เป็นภัยต่อสุขภาพของมนุษย์
(In/Ping)