วิธีวินิจฉัยอาหารตัดต่อพันธุกรรมไม่ยากเท่าไหร่ ปกติมองด้วยตาก็สามารถแยกแยะได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือมาช่วย

1. ดูรูปลักษณ์ ทั้งขนาดใหญ่เล็ก สีและรูปร่าง ผัก ผลไม้ธรรมดามักจะมีความยาวและขนาดไม่เท่ากัน เหมือนกับว่าคนทั่วไปจะมีสูงต่ำ อ้วนผอมแตกต่างกัน ถ้าหากผลผลิตทางการเกษตรออกมามีรูปทรงเท่ากัน มีขนาดใหญ่เกินหรือเล็กเกิน ผิวเปลือกเรียบและเงา สีสันสดใสหลากหลาย ก็พึงระมัดระวังว่าเป็นอาหารตัดต่อพันธุกรรม เช่น แครอทที่ทั้งยาวและเรียบ มะเขือเทศขนาดเล็กจิ๋ว และพริกหอมกลากสี เป็นต้น

2. รสชาติ อาหารที่มีรสชาติไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะออกรสผักหรือผลไม้ประเภทอื่น เช่น พลิกหอม ข้าวโพดรสผลไม้ เป็นต้น แต่อาหารเหล่านี้ บางส่วนไม่ใช่เป็นผลจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยวิธีเคมี หากเป็นการผสมพันธุ์ ซึ่งผลกระทบมากน้อยแค่น้อย ยังไม่มีผลวิจัยที่แน่นอนและมีความเห็นต่างกันด้วย

3. อาหารที่วางจำหน่ายไม่ตามฤดูกาล อาหารที่วางจำหน่ายไม่ตามฤดูกาล บางส่วนเป็นอาหารที่ปลูกในเรือนกระจก ซึ่งบางครั้งต้องอาศัยสารเร่งและใช้วิธีตัดต่อพันธุกรรมให้ทนหนาวหรือทนร้อน จนทำให้สามารถปลูกนอกฤดูที่สภาพอากาศตรงกันข้ามกันได้

4. แมลงกัด พืชพันธุ์บางชนิด ถูกแมลงกัดกินเป็นประจำ เวลาเพาะปลูก มีการเพิ่มพันธุกรรมต่อต้านแมลงหรือสารฆ่าแมลง โตแล้วรูปลักษณ์จะสวย ไม่มีรอยถูกกัดกินของแมลง แต่บางทีต้องคิดในอีกแง่หนึ่ง อาหารที่แมลงกินได้นั้น สำหรับมนุษย์ก็เป็นอาหารที่ปลอดภัย

5. สลาก เวลาไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต สามารถตรวจสอบสลากที่ติดไว้ มีเครื่องหมายแสดงว่าเป็นอาหารตัดต่อพันธุกรรมหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลมีข้อกำหนดว่าต้องระบุออกมา แต่ตัวแทนจำหน่วยมักจะใช้ตัวหนังสือที่เล็กมากจนกระทั่งเกือบมองไม่เห็น ตัวอักษรขนาดแค่ 1.8 มิลิเมตรเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ดูดี จะได้

6. รหัสของผลไม้นำเข้า สลากที่ติดไว้กับสินค้านั้น มีชื่อของประเทศส่งออก มีชื่ออังกฤษของผลไม้และชื่อบริษัทจัดจำหน่าย นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขอาระบิกอีก 4 ตัวอยู่ตรงกลาง ถ้าเริ่มต้นด้วยเลข 3 แสดงว่าเคยฉีดยาฆ่าแมลง ถ้าเริ่มต้นด้วยเลข 4 แสดงว่าเป็นผลไม้ตัดต่อพันธุกรรม ถ้าเริ่มต้นด้วยเลข 5 เป็นผลไม้ผสมพันธุ์

(In/Ping)