ผลิตในจีนหรือ "เมดอินไชน่า" กำลังก้าวขั้นสำคัญขั้นแรกจากคำว่า "ใหญ่" พัฒนาเป็น "เข้มแข็ง" เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรีจีนตีพิมพ์และประกาศแผน"เมดอินไชน่า 2025" ซึ่งมีการวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อให้จีนพัฒนาขึ้นเป็นประเทศผู้ผลิตที่เข้มแข็งของโลก เป็นเค้าโครงการปฏิบัติ 10 ปีแรกของยุทธศาสตร์การสร้างประเทศผู้ผลิตที่เข้มแข็ง
ในแผนฉบับนี้ มีคำหลักๆ หรือคีย์เวิร์ดสำคัญ 6 ประการ ที่ทำให้ผู้คนสามารถเข้าใจเนื้อหาของแผนฉบับนี้ได้ง่ายขึ้น
คีย์เวิร์ดที่หนึ่ง ประเทศผู้ผลิตที่เข้มแข็ง
หลังจากจีนดำเนินนโยบายการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นเวลากว่า 30 ปี ได้สร้างอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ความสามารถด้านอุตสาหกรรมการผลิตครองสัดส่วน 20% ของโลก แต่ความสามารถด้านการประดิษฐ์คิดค้นยังด้อย เทคโนโลยีสำคัญระดับสุดยอดยังไม่ใช่ของจีน ระดับคุณภาพสินค้ายังไม่ดีพอ แบรนด์จีนที่เป็นแบรนด์ระดับโลกก็มีน้อยมาก กล่าวได้ว่า โครงสร้างอุสาหกรรมาการผลิตใหญ่มากแต่ไม่เข้มแข็ง
ฉะนั้น รัฐบาลจีนกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาที่แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน โดยจะใช้ความพยายามอีก 30 ปี ทำให้จีนเป็นประเทศแนวหน้าที่มีความเข้มแข็งด้านอุตสาหกรรมการผลิตของโลก ซึ่งแผน "เมดอินไชน่า 2025" นับเป็นขั้นแรกของยุทธศาสตร์ดังกล่าว
นายหลี่ เป่ยกวาง เจ้าหน้าที่กระทรวงวอุตสาหกรรมและสารสนเทศแห่งชาติจีนกล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศพัฒนาพากันกลับมาพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตอีกครั้ง เพราะว่ามิเพียงแต่จะสร้างโอกาสการมีงานทำมากมาย ยังมีความหมายสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เพิ่มความสามารถการสร้างสรรค์ใหม่โดยรวมของประเทศชาติ
คีย์เวิร์ดที่สอง ประดิษฐ์คิดค้นและผลิตในจีน
ในแผน "เมดอินไชน่า 2025" มีการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องทำคือปรับเปลี่ยนจาก "ผลิตในจีน" มาเป็น "ประดิษฐ์คิดค้นและผลิตในจีน" ซึ่งกำลังขับเคลื่อนมาจากความคิดสร้างสรรค์ใหม่ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต
การบรรลุเป้าหมาย "ประดิษฐ์คิดค้นและผลิตในจีน" นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ การพัฒนาเทคโนโลยี มิเพียงแต่จะยกประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้นเท่านั้น ทั้งจะนำมาซึ่งวัสดุใหม่ พลังงานใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่และอุปกรณ์ใหม่ เป็นต้น
ปีหลังๆ นี้ การลงทุนเพื่อการวิจัยและการผลิตของจีนจัดอยู่อันดับต้นๆ ของโลก เมื่อปี 2013 ทั่วประเทศจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยรวม 1.18 ล้านล้านหยวน แต่เมื่อเทียบกับประเทศที่เข้มแข็งด้านการผลิตของโลกแล้ว ความสามารถด้านการสร้างสรรค์ใหม่ทางอุตสาหกรรมการผลิตยังมีช่อง ว่างค่อนข้างมาก
สถิติที่เกี่ยวข้องปรากฏว่า เทคโนโลยีการผลิตสำคัญกว่า 50% ระบบควบคุมดิจิตอลระดับสูงว่า95 % ชิปนิวไฮเทคกว่า 80% และเครื่องยนต์ระดับสูงที่ใช้ในการบินอวกาศเกือบทั้งหมดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
คีย์เวิร์ดที่สาม การผลิตแบบอัจฉริยะ
การผลิตแบบอัจฉริยะ มิเพียงแต่จะใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ในการผลิตเท่านั้น แต่ยังควรผสมผสานกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ให้เข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการผลิต จึงเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์โดยสิ้นเชิง นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงด้านวิธีการผลิตและรูปแบบการค้าใหม่
นายโจว จี้สมาชิกสภาวิศวกรรมจีนกล่าวว่า การปฏิวัติเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการผลิตกำลังเจริญยิ่งขึ้น ปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศ สิ่งมีชีวิต วัสดุใหม่และพลังงานใหม่ได้รับการประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง จึงผลักดันให้อุตสาหกรรมการผลิตมีการปฏิวัติเทคโนโลยีทุกด้าน โดยมุ่งสู่เป้าหมาย "การผลิตอัจฉริยะ"
นายหลี่ ตุง เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศแห่งชาติจีนกล่าวว่า กระทรวงฯ ได้กำหนดและประกาศแผนนำร่อง ปีนี้มีแผนที่จะเลือกหน่วยงานนำร่อง 30 แห่ง ดำเนินการต่อเนื่องกัน 3 ปี จนถึง ปี 2017 จะเผยแพร่ประสบการณ์และผลสำเร็จแก่ทั่วประเทศ
(In/Lin)
