นักวิเคราะห์เห็นว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาสถานการณ์การเมืองพม่าด้วยเสถียรภาพ นับเป็นการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งหลังจากจัดการเลือกตั้งในพรรคต่างๆ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2010 เป็นครั้งแรกในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านไป การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ ย่อมจะเต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างรุนแรง การประลองกำลังและความสงสัยหลายอย่าง
หากพิจารณาจากอิทธิพลของพรรคการเมือง พรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนากับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยจะเป็นพรรคอยู่อันดับต้นๆ ได้รับความสนใจมากที่สุด พวกเขาย่อมจะเป็นผู้เฝ้าเวทีและผู้ชิงเวทีโดยมิต้องสงสัย แต่ไม่มีใครสามารถคาดเดาถึงการเปลี่ยนแปลงได้ การถกในตอนนี้ว่าใครจะได้ชัยชนะในท้ายสุดยังคงเร็วเกินไป
แต่ว่า ในเมื่อเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ปัจจัยสำคัญที่สุดที่เป็นตัวตัดสินจะอยู่ที่ใจของประชาชน พม่าเปลี่ยนรูปแบบได้ประชาธิปไตยเป็นเพียง 5 ปีเท่านั้น ทางสังคมมีระดับความสมบูรณ์เพียงเบื้องต้น มีคนวิจัยและบรรยายการเลือกตั้งทั่วไปของพม่าครั้งนี้ว่า ผู้ลงคะแนนเสียงส่วนมากจะไม่ใช่เลือกนโยบาย หากเป็นการเลือกพรรคการเมือง มีส่วนไม่ใช่หลักเหตุผลในการตัดสินใจ
การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกสมาชิกรัฐสภาในระดับต่างๆ เท่านั้น จะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีด้วยสมาชิกรัฐสภาสหพันธ์ที่ประกอบขึ้นมาใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ด้วยเหตุนี้ มีแต่ได้รับที่นั่งรัฐสภาเป็นส่วนมาก จึงจะมีสิทธิ์จัดตั้งคณะรัฐมนตรี จึงจะมีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี ฉะนั้น พรรคสหภาพเพื่อความสามัคคี พัฒนาและสหพันธ์ประชาธิปไตยและพรรคการเมืองอื่นๆ ล้วนเผชิญกับแรงกดดันกับการท้าทาย ต่างต้องใช้กำลังอย่างสุดความสามารถเพื่อมีที่นั่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
Yim/Ping