เคยสังเกตกันไหมครับว่าการประกวดพูดใด ๆ ที่ผู้เข้าประกวดจำเป็นต้องแสดงทัศนะเกี่ยวกับการศึกษา วลีที่ว่า "รากฐานของบ้านคืออิฐ รากฐานของชีวิตคือการศึกษา" มักจะถูกดึงมาใช้ขึ้นต้นให้ดูสวยหรูอยู่เสมอ สำหรับประเทศจีน ปีหลัง ๆ นี้ระบบการศึกษาได้รับการยอมรับและถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกมากยิ่งขึ้น ล่าสุดมหาวิทยาลัยชิงหวาคว้าอันดับ 3 ของโลกว่าด้วยคุณภาพบัณฑิตไปหมาด ๆ
ภาพลักษณ์ของสถานศึกษาในเมืองหลวงจีนถูกผลิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสะกิดต่อมสงสัยให้อดตั้งคำถามไม่ได้ว่าแล้วในชนบทล่ะเป็นแบบนี้ไหม โรงเรียนมัธยมแห่งที่ 2 และโรงเรียนอนุบาลเสี่ยวฉือเฉียวเป็นตัวแทนที่อธิบายภาพรวมระบบการศึกษาจีนในชนบทได้ไม่อย่างไม่ขี้ริ้วครับ
โรงเรียนมัธยมแห่งที่ 2 เป็นโรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ของเมืองลิ่วผานสุ่ย แต่ละปี เด็กที่จบจากที่นี่กว่าครึ่ง (ราวๆ 900 คน) สามารถสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยดังของจีนได้ และมีมากถึงร้อยละ 98 ที่ได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา สภาพโดยทั่วไปสะอาดน่าอยู่มากครับ ตัวโรงเรียนโอบล้อมด้วยขุนเขา วันที่ไปเยือนนั้นใบของต้นแปะก๊วยกำลังเปลี่ยนสีสวยงามสลับกับภาพเขียนและรูปปั้นขงจื่อ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นข้อบังคับของน้อง ๆ หรือเปล่า แต่การที่ไม่เห็นใครสักคนเดียวจดจ่อกับจอมือถือนั้นได้สร้างความประทับใจแรกเมื่อย่ำเท้ามาถึง
ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมแห่งที่ 2 บอกกับผมว่าทางโรงเรียนฯให้ความสำคัญกับคุณธรรมเป็นลำดับแรก สุขภาพเป็นลำดับรอง ส่วนผลการเรียนเป็นลำดับสุดท้าย ท่านบอกว่าการเรียนในห้องเรียนถือเป็นเพียงช่วงหนึ่งของชีวิต นักเรียนที่นี่ก่อนจบออกไปจะต้องมีทักษะด้านกีฬาและด้านการละเล่น เช่น เต้นรำหรือร้องเพลงอย่างน้อย 1 อย่าง เพราะทักษะเหล่านี้จะหล่อหลอมให้พวกเขาสามารถเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ร่วมในสังคมที่มนุษย์พึงเป็นทั้งผู้ฟังและผู้พูดที่ดี