ทางเข้าสู่ลานบ้าน
ท่านจะได้ยินเสียงพูดคุย รอยยิ้ม รอยโกธร เห็นอาหารที่ชาวบ้านกินกันเป็นปกติ ที่ไม่มีในเมนูโต๊ะจีน ที่คณะทัวร์จัดให้ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่หมด เห็นกิจกรรมในชีวิตประจำวันต่างๆ เห็นคนรุมล้อมวงหมากรุกจีน เห็นแรงงานกำลังก่อสร้าง เห็นวงเบียร์ข้างถนนที่มีอาหารปิ้งย่างแสนอร่อยเป็นกับแกล้ม
ผมรู้สึกว่ามนุษย์เรามีลิขิตความเร็วอยู่ไม่มาก เคยสังเกตไหมครับว่า เวลาที่เราเดินทางด้วยความเร็วมากๆ เราจะรู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ แต่การเดินไม่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยได้ขนาดนั้นเลย และถ้าเหนื่อย ได้นั่งพักสักครู่ เราก็มีแรงเดินต่อได้แล้ว ยิ่งมีสิ่งแปลกใหม่สวยงามล่อตาด้วยแล้ว เราก็ยิ่งมีพลังในการเดินเพิ่มมากขึ้น
ที่สำคัญการเดินจะทำให้เราจดจำถนนหนทาง และร้านค้าต่างๆ ได้อย่างติดตา มาอีกกี่ครั้งก็ฟื้นความทรงจำได้ไม่ยาก
วันนั้นผมซื้อข้าวโพดต้มเดินแทะมาเรื่อย ยืนมองถ้วยรางวัลผ่านบานกระจกหนา เห็นหมอดูและจีนมุง เห็นหลวงจีนขี้เมานั่งซดเบียร์แก้พิษหนาว ซึ่งตอนผมยกกล้องขึ้นถ่ายนั้น เกือบจะได้รอยเท้าและวิชาหมัดเมากลับบ้าน ต้องรีบจรลีใช้วิชาตัวเบาจ้ำหนีอย่างไม่คิดชีวิต สงสัยเจ้าหัวโล้นนั้นจะเป็นพระปลอม เพราะจะมีพระที่ไหนมานั่งกินเหล้าข้างถนนแบบนี้ พอถูกถ่ายรูปเลยโมโห
ผมไม่ได้ถือโทษ หรือเก็บไปคิด แต่กลับรู้สึกว่าเป็นสีสันที่แต่งเติมภาพรายทางให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเสียอีก
ผมเดินหนีหลวงจีนขี้เมามาสองอึดใจก็ถึงวัดเจดีย์ขาว หรือในภาษาจีนเรียกว่า "Baitasi" ส่วนภาษาอังกฤษเรียกว่า "Temple of the White Pagoda" เป็นวัดโบราณที่อยู่คู่กับปักกิ่ง ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิกุบไลข่าน จักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์หยวน ออกแบบโดยช่างโบราณชาวเนปาล เพื่อเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของประชาชน ประดิษฐานพระศากยมุนีองค์ใหญ่ เมื่อครั้งสร้างเสร็จใหม่นั้นวัดแห่งนี้มีชื่อว่า "เหมี้ยว อิ้ง ซื่อ" (Miao Ying Si) แต่ด้วยความที่มีเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่อยู่กลางวัด ผู้คนจึงเรียกวัดแห่งนี้ว่า "ไป่ถาซื่อ" (Baitasi) หรือวัดเจดีย์ขาว
ปากทางเข้าซือเหอย่วน
1 2 3 4 5
|