ตรอกกลางของฉีซื่อเป่ย ริมกำแพงบ้านหลังหนึ่ง
ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวปักกิ่งอยู่ไม่เสื่อมคลาย ยังมีคนมากราบไหว้สักการะอยู่ไม่ขาดสาย
วันนั้นผมไม่ได้ซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปด้านใน เพราะตั้งใจแล้วว่าวันนี้เป็นวันเดินถนนเท่านั้น จึงเดินเข้าไปในซอยข้างๆ ซึ่งเป็นตลาดสด จึงสามารถถ่ายภาพเจดีย์ในมุมที่แตกต่างได้
หลังจากออกจากซอยแล้ว พบว่าอีกฝั่งถนนเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา มีไดโนเสาร์ตัวโตยืนเฝ้าข้างตึกอยู่ ผมได้แต่จดลงในสมุดบันทึกไว้ เพื่อเป็นเป้าหมายต่อไปสำหรับการบุกตะลุยพิพิธภัณฑ์ในปักกิ่ง ซึ่งมีมากมายหลายแห่งยิ่ง คาดว่าช่วงที่อากาศหนาวมากๆ น่าจะเหมาะสมที่สุดในการเจาะความรู้ในพิพิธภัณฑ์ เพราะมีที่คุ้มกะลาหัว ไม่ต้องทนหนาวในที่โล่ง
ผมเดินผ่านหน้าวัดอีกครั้ง จนถึงสี่แยกจึงเลี้ยวซ้าย เพื่อตรงไปยังฉีซื่อเป่ย หูถ้ง (Xisibai Hutong) จุดมุ่งหมายหลักของการเดินชมเมืองครั้งนี้
ฉีซื่อเป่ย เป็นตรอกที่เป็นแขนงของ ถนนข้างวัดไป่ถาซื่อ เป็นหูถ้งโบราณ เป็นชุมชนของชาวปักกิ่งที่อยู่รอบนอกด้านทิศตะวันตกของพระราชวังต้องห้าม ตรอกเหล่านี้คงมีอายุไล่เลี่ยกับอายุของวัดไป่ถาซื่อ
เพราะคงไม่ต่างจากเมืองพุทธศาสนาอย่างเมืองไทย ที่เมื่อวัดถูกสร้างขึ้นที่ใด ชุมชนก็จะเกิดขึ้นตรงนั้นด้วยเช่นกัน
หูถ้งทั้งแปดที่เรียงเป็นลูกละนาดจากวัดขึ้นไปทางทิศเหนือ วางตัวจากตะวันออกและตะวันตก แต่ละหูถ้งจะประกอบด้วย "ซือเหอย่วน" ขนาดใหญ่จำนวนมากมาย บ้างก็ถูกซอยออกเป็นบ้านเล็กบ้านน้อย บ้างก็ยังอนุรักษ์ไว้เป็นบ้านรวมหลังใหญ่อย่างเช่นในอดีต ทุกปากทางเข้าหูถ้งจะมีร้านค้าดังเช่นทำเนียมสร้างเมื่อครั้งโบราณ บางบ้านมีกรงนกแขวนไว้ บางบ้านขนผ้าห่มออกมาตากกินแดด เพื่อต้อนรับลมหนาวที่กำลังเข้มข้นขึ้น บางบ้านก็เปิดเป็นร้านอาหารเล็กๆ นอกจากนี้ยังมีร้านทำผมขนาดย่อมแทรกตัวอยู่ตามหูถ้งเหล่านี้ด้วย
ถนนในหูถ้งมีการควบคุมการจราจรให้เป็นแบบวันเวย์ เพราะขนาดความกว้างไม่สามารถให้รถยนต์สองคันสวนกันได้ ส่วนจักรยาน และจักรยานไฟฟ้านั้น ไม่ต้องห่วง เพราะวิ่งกันให้ขวักไขว่ คนเดินถนนในปักกิ่งต้องระวังจักรยานไฟฟ้าเหล่านี้ให้ดี เพราะมีความเร็วสูงและไม่มีเสียงเครื่องยนต์ เรียกได้ว่า "มาไวไปเงียบ" มัวเหม่ออยู่อาจถูกเฉี่ยวชนได้
1 2 3 4 5
|