สาวน้อยคนนี้ยืนอยู่ใจกลางสวรรค์ หอเทพสถิต
หรือ แท่นบวงสรวงฟ้า
การเข้ามาทางประตูตะวันออกนั้น จริงๆ แล้วอาจทำให้สับสนในการเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งก่อสร้างภายใน เพราะหอไหว้ฟ้าเทียนถานนั้นจะเรียงลำดับความสำคัญมาจากทางทิศใต้ ไปสู่ทิศเหนือ ซึ่งพอผ่านประตูชั้นในเข้ามาก็จะพบกับ "แท่นบวงสรวงฟ้า" หรือ "หยวนชิว" เป็นสิ่งก่อสร้างทรงกลมเหมือนก้อนเค้กขนาดใหญ่มากเรียงลำดับกันขึ้นไป 3 ชั้น สูงประมาณ 5 เมตร ทำจากหินอ่อน ตรงกลางมีหมุดหิน ที่นักท่องเที่ยวมักขึ้นไปยืนถ่ายรูปที่ตรงนี้ จริงๆ แล้วหมุดนั้นตามความเชื่อระบุว่าเป็นที่ประทับของเง็กเซียนฮ่องเต้ และโอรสแห่งสวรรค์ หรือ จักพรรดิจะขึ้นไปบนนั้น เวลาเสด็จมาบวงสรวงฟ้า เพราะจากที่ตรงนี้ทุกคนที่อยู่รายรอบจะได้ยินกันทั้งสิ้น
จากหมุดกระจายออกไปตามรัศมีของวงกลมเป็นแผ่นหิน 9 ชั้น ซึ่งเปรียบดั่งชั้นของสรวงสวรรค์ จากสวรรค์ชั้นแรกที่ล้อมด้วยอิฐ 9 แผ่น ค่อยคลี่ออกไปเรื่อยๆ จนครบ 9 ชั้นนั้น รวมแล้วใช้แผ่นอิฐทั้งหมด 3,402 แผ่น ตอนที่ผมยืนนับวงแผ่นหินอยู่นั้นตรงกับสวรรค์ชั้นที่เจ็ดพอดิบพอดีทีเดียว
ยิ่งมองก็ยิ่งทึ่งในอัจฉริยภาพของสถาปนิกโบราณที่สามารถคำนวณเส้นรอบวงออกมาได้อย่างลงตัวขนาดนี้ ซึ่งแสดงว่าหลักคณิตศาสตร์ของจีนนั้นพัฒนาอย่างสูงยิ่งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 แล้ว เห็นแล้วผมนึกจินตนาการแบบเอเลี่ยนไปว่า งานที่วิเศษขนาดนี้ จะต้องเป็นวิทยาการที่ถูกถ่ายทอดมาจากมนุษย์ต่างดาว แล้วหมุดที่อยู่ตรงกลาง หากเราไปกดถูกสลักมันเข้า หินเก้าชั้นที่อยู่รายรอบก็จะหมุนเคลื่อนสลับทิศกันไปมา ค่อยๆ เร็วขึ้นๆ จนมีลำแสงสีขาวสว่างวูวาบลอดออกมาจากร่องหิน แล้วแท่นบวงสรวงนี้ก็ค่อยๆ ขยับลอยขึ้น หินทุกก้อนก็จะค่อยๆ ลอกหล่นลงมา เผยให้เห็นโลหะเรืองแสงของยานอวกาศทรงกลม ที่เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาจากด้านใต้ แล้วก็บินหายวับไปในท้องฟ้า
ผมไม่ได้เพ้อเจ้อนะครับท่านผู้ฟัง แต่รูปลักษณ์และอิจฉริยภาพของแท่นบูชานี้พาให้คิดไปไกลได้เลยทีเดียว รับรองว่าไม่ใช่ผมคนเดียว เพราะยังมีคนเคยสันนิษฐานเลยว่าปิรามิดเป็นจุดสังเกตในการลงจอดของยานอวกาศ และขนาดกำแพงเมืองจีนยังมองเห็นจากนอกโลกได้เลย
1 2 3 4 5
|