ลูก ตาดีได้ตาร้ายเสีย
สำหรับการซื้อหนังสือในเมืองจีนนั้น ผมขอฝากไว้เป็นข้อสังเกตนะครับ ไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กร้านใหญ่ ท่านผู้ฟังไม่ต้องแปลก ถ้าเขาไม่ใส่ถุงหรือห่อให้ แต่จะผูกเชือกให้อย่างแน่นหนา ซื้อเล่มเดียวก็ผูกเชือกแล้วสอดกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ใต้เชือกนั้น เพื่อให้รู้ว่าชำระเงินแล้ว ใครซื้อเยอะก็หิ้วกันแขนห้อยกลับบ้านไปเลย ถ้าไม่เตรียมกระเป๋ามาใส่เอง ผมว่ากระดาษที่สอดมากับมัดหนังสือนั้น คนที่คิดวิธีนี้ขึ้นมา คงต้องการเอากระดาษนั้นมารองขอบหนังสือไม่ให้ยับจากการมัดมากกว่า แต่เดี๋ยวนี้มันคงเลือนไป กลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ว่าจ่ายเงินแล้ว ทำให้หนังสือที่เพียรเลือกอย่างดีเสียหาย ภายหลังผมจึงเอาถุงผ้าไปเอง แล้วขอให้เขาไม่ต้องผูก
และมีสินค้าอีกอย่างนึงน่าสนใจมาก เพราะทั้งรับประทานได้ สร้างบุญกุศลได้ และฝึกฝน ฌานสมาธิได้ด้วย นั่นก็คือ ลูก.....
ลูก.....คือลูกไม้ชนิดหนึ่ง เป็นตระกูลหนึ่งที่ฝรั่งเรียกว่า "Nut" หน้าตาเหมือนก้อนสมองมนุษย์ขนาดเล็กๆ แต่ก่อนผมเคยเห็นขายเป็นกระสอบๆ ตามหน้าตลาด ต้องใช้คีมหนีบถึงจะกินเนื้อในได้ เพราะมีเปลือกที่แข็งมาก
ต่อมาผมก็เห็นพนักงานขับรถที่ซีอาร์ไอคนหนึ่ง ถือลูก...2 ลูกไว้ทั้งวัน แล้วหมุนวนไปในมือ ลูก...ก็จะเสียดสีกันดังแกรกกราก สอบถามได้ความว่า มันมีประโยชน์ในการฝึกสมาธิ และยังเป็นการนวดมือให้เลือดร่างกายหมุนเวียนได้ดีด้วย ซึ่งผมอุ่นใจทุกครั้งเมื่อได้ขึ้นรถที่พี่คนนนี้เป็นคนขับ เพราะสมาธิของแกต้องอยู่ในระดับดีเยี่ยม ไม่หลับใน ไม่วอกแวกแน่นอน
และผมมาเห็นที่พันเจียหยวนนี่อีกครั้ง คราวนี้วางขายทั้งเป็นกอง และเป็นลุกๆ ที่คัดใส่ซองพลาสติกไว้อย่างดี ดูเหมือนเป็นเครื่องรางของขลังไปเลย ผมจึงสอบถามเพื่อนคนจีน จึงทราบว่า ลูก....นอกจากการฝึกสมาธิแล้ว ยังเชื่อว่าเป็นการฝึกตนอย่างหนึ่ง คือถ้าสามารถหมุนมันในมือไปเรื่อยๆ จนแรงเสียดสีผ่านกาลเวลาจนรอยหยักของมันลบไปจนเกลี้ยงเกลา คนผู้นั้นก็จะบรรลุสภาวะจิตในระดับหนึ่ง คล้ายการบำเพ็ญตน
ดังนั้นบางคนจึงพยายามหาลูกที่เกลี้ยงๆ แล้วไปสะสม เพราะมันได้เคยเป็นเครื่องมือในการบำเพ็ญเพียรมาแล้ว แต่ก็ต้องเลือกให้ดี เพราะตาดีก็จะได้ลูก...ที่ผ่านมือมนุษย์ข้างหนึ่งคลึงมันมานานปี แต่ถ้าตาร้าย ก็จะได้ลูก...ที่ผ่านเครื่องขูดผิวมา ส่วนคนที่มาซื้อลูก...ใหม่ ก็จะพยายามเลือกเอาลูกที่กลมที่สุด มีรอยหยักสวยที่สุด เพราะเวลาคลึงในมือจะได้ไม่สะดุดกุกกัก
1 2 3 4 5
|