อาคารโบราณที่ขายสินค้าเด็กแนว คนรอรถเมล์หน้าห้างหรู
ภายในนั้นไม่เหมือนกับห้างสรรพสินค้า แต่เหมือนกับสวนจตุจักรเสียมากว่า เพียงแต่ว่าไม่ได้อยู่กลางแจ้ง แต่ลึกลงไปในใต้ดินถึง 3 ชั้น ชั้นบนจะเป็นศูนย์อาหาร ร้านขายเครื่องกีฬา และเสื้อผ้าแบรนด์วัยรุ่น ชั้นสองจะเป็นพวกสินค้าสำหรับวัยรุ่นทั้งหลาย ทั้งเสื้อผ้าสไตล์ฮิปฮอป และสไตล์ของเด็กบอร์ด หรือคนที่เล่นสเก็ตบอร์ดมากมายหลากสไตล์ ส่วนชั้นล่างสุดก็จะคล้ายๆ กับชั้นสอง มีร้านเล็กซอยออกมาจำนวนมาก มี่ร้านสักหรือแท็ตทู ร้านเจาะตามที่ต่างๆ ร้านเพ้นต์เล็บ ร้านขายเครื่องสำอางค์สำหรับวัยรุ่น
ที่นี่เดินได้ทั้งวันแบบไม่หนาว เพราะปรับอากาศในอุณหภูมิที่พอเหมาะ และผมขอแนะนำให้ไปชิมอาหารที่ศูนย์อาหารแห่งนี้ สนนราคาสำหรับวัยรุ่นจริงๆ และรสชาติอร่อยไม่แพ้ภัตตาคารใหญ่ๆ โดยเฉพาะผัดสูตรเฉสวน อยากได้ผักหญ้าและเนื้อสัตว์อะไร เราสามารถเลือกใส่ในกะละมังได้เอง จากนั้นก็ชำระเงินตามที่หยิบมา แล้วพ่อครัวก็จะเอาไปผัดให้เรา พอเสร็จก็จะตะโกนเรียกตามเบอร์ เมื่อผัดเสร็จแล้วนั้นท่านผู้ฟังอย่าตกใจที่เห็นพริกเต็มกะละมังเลยนะครับ รับรองว่าถ้าพอได้ชิมจะติดใจไม่รู้ลืม กินไปสูดปากไป เพราะมันทั้งเผ็ดทั้งซ่าจนปากชาไปหมด
สำหรับทางออกจากสถานีรถไฟใต้ดินที่คนนิยมใช้มากที่สุด ก็เห็นจะเป็นทางออกด้านข้างร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดของกรุงปักกิ่ง ซึ่งสามารถเดินเลาะกำแพงตรงไปยังด้านในของย่านซีตานได้เลย
Beijing Book Building นั้นใหญ่ยักษ์มาก มีทั้งหมด 8 ชั้น มีหนังสือทุกหมวด มีนิตยสารทุกหัว มีร้านซีดี มีชั้นเฉพาะหนังสือต่างประเทศโดยเฉพาะ มีมุมหนังสือเด็ก ตึกนี้ทั้งตึกใหญ่กว่าห้องสมุดของมหาวิทยาลัยบางแห่งเสียอีก และมีผู้คนล้นหลามทุกวัน
ทางม้าลายที่ไม่เคยว่าง เด็กแนว
มีเพื่อนชาวจีนบอกผมว่า ใครที่เปิดกิจการในเมืองจีนนั้น ยิ่งเปิดใหญ่เท่าไหร่คนก็จะยิ่งเยอะ ถ้าเปิดเล็กคนก็จะไม่เยอะ พอมาเห็นร้านหนังสือร้านนี้ผมก็เชื่อตรรกะเบี้ยวของเพื่อนคนนั้นทันที ฟังตอนแรกก็ไม่เชื่อ เพราะยิ่งกิจการใหญ่ยิ่งมีความเสี่ยง เพราะมีการลงทุนสูง แต่แนวคิดที่เคยติดหัวมาต้องแงะทิ้งออกไปทันที เพราะที่เมืองจีนนั้น ไม่เคยไม่มีที่ไหนไม่มีคน ร้านอาหารขนาดคูหาเดียว คนยังต่อคิวกินกันเลย และบางทีต้องก้มหน้าก้มตากับใครก็ไม่รู้ที่มานั่งซดบะหมี่อยู่ข้างๆ แบบแขนชนแขนเลยทีเดียว ความเสี่ยงเรื่องลูกค้าจึงแทบไม่มี
1 2 3 4 5
|