จริงๆ แล้วภาพลักษณ์ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น ได้เปลี่ยนไปมากแล้ว แต่ก่อนนั้นที่ตรงนี้มีลักษณะเป็นตลาดอย่างที่ควรจะเป็นจริงๆ มีร้านขายสินค้าตลอดสองข้างทางของตรอกเล็กแห่งหนึ่งเท่านั้น แต่ภายหลังทางการได้ปรับปรุงให้อาคารขนาดใหญ่ และให้ร้านค้าต่างๆ ย้ายเข้าไป เพราะสะดวกสบายขึ้น ไม่ต้องทนกับแดดร้อน และอาการหนาวเหน็บ ตัวอาคารปรับอากาศอย่างดี เปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 3 ทุ่ม
ส่วนที่มาของชื่อว่า "ตลาดรัสเซีย" ที่มีเฉพาะชาวไทยเท่านั้นที่เรียก ซึ่งผมได้ทราบจากไกด์คนหนึ่งว่า เพราะแต่เดิมช่วงที่ยังเป็นตลาดเก่านั้น จะมีพ่อค้าชาวรัสเซียมาซื้อสินค้าพวกเสื้อผ้า นาฬิกา ซึ่งเป็นของก๊อปปี้เกรดเอจากที่นี่ไปขายต่อในประเทศของตัวเอง จึงทำให้มีคนรัสเซียเดินกันขวักไขว่ อีกทั้งพ่อค้าแม่ขายก็พูดภาษารัสเซียกันได้คล่องปาก นักท่องเที่ยวไทยเมื่อมาเห็น การค้าขายระหว่างพ่อค้าจีนกับพ่อค้าเหมาซื้อชาวรัสเซีย ก็เลยตั้งชื่อให้ที่นี่ซะเลยตามความสะดวกปากของตนเองในการเรียก ว่า "ตลาดรัสเซีย"
ซึ่งนั่นก็แสดงว่านักช้อปไทยมาเดินซื้อของที่นี่ตั้งแต่นมนานมาแล้ว และหลักฐานอีกเรื่องหนึ่งที่การันตีว่าคนไทยนิยมมาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว นั่นก็คือ "ภาษาไทย" ที่พ่อค้าแม่ขายที่นี่ต่างก็พูดกันได้นั่นเอง
ตลาดรัสเซียนั้นขึ้นชื่อมากในเรื่องการตั้งราคาสินค้าสูง และต้องชิงไหวชิงพริบกันให้ได้ระหว่างคนซื้อกับคนขาย และทุกคนที่เปิดร้านอยู่ในนี้ต่างยกนิ้วโป้งให้กับการต่อราคาของคนไทย จนพากันออกปากว่า "อ๋อ ไท่กั๋ว" แล้วก็ลดราคาให้ผมทันที ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มต้นต่อรองเลยด้วยซ้ำ
เสื้อผ้าหลากหลาย
ครับ...ไม่ว่าใครที่จะมาที่นี่ควรต้องพัฒนาไอคิวหรือเข้าคอร์สเรียนวิชาคณิตคิดไวกันมาซะก่อนท่าจะดีที่สุด เพราะถ้าเราพึงใจสินค้าอันไหนเข้า แล้วออกปากถามราคาออกไป เขาก็จะตอบออกมาในราคาบอกผ่านไว้ ชนิดที่ทำให้เราอยากเดินหนีเลยทีเดียว เช่น เสื้อยืดธรรมดาที่บ้านเราจะซื้อได้ในราคาไม่เกิน 150 บาท แต่ที่นี่จะบอกไว้ประมาณ 600 บาท หรือประมาณ 120 หยวน ซึ่งเงินไทยกับจีนปัจจุบันก็ยังเป็น 1 หยวน ต่อ 5 บาท อยู่ อาจจะมีเศษทศนิยมนิดๆ แต่ก็ไม่ต้องคิดให้ปวดเศียรเวียนเกล้านะครับ คิดเลขกลมๆ ที่ 5 บาทไปก่อนจะง่ายที่สุด
ราคาแรกนั้นเขาบอกผ่านจริงๆ เราไม่ต้องสนใจเลยก็ยังได้ ถ้าเราลังเลสักพัก หรือทำเป็นคิด เขาก็จะบอกราคาใหม่ทันที เช่น (เสื้อยืดตัวเดิมนะครับ) เหลือเพียง 80 หยวน ทีนี้เราก็ทำเป็นเอามาพินิจพิเคราะห์ดูซะหน่อย ตินู่นตินี่ แล้วก็บอกกลับไปว่าแพงไป ใครสนทนาภาษาอังกฤษได้ก็บอกไป ส่วนใครที่สนใจใช้ภาษาจีน ซึ่งผมคิดว่ามีผลในการต่อได้ถูกลง ก็บอกไปว่า "ไท่กุ้ยป่า" โดยให้เน้นคำว่า "ป่า" หนักๆ นานๆ คนขายจะได้รู้ว่าแพงมาก ซึ่งตอนนี้อาจจะเป็นช่วงชิงไหวชิงพริบกันแล้ว เพราะคนขายก็จะรอให้เราบอกราคา เราเองก็รอให้เขาลดลงอีกเช่นกัน
1 2 3 4 5
|