วันนั้นผมและเพื่อนผู้เชี่ยวชาญชาวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อันประกอบด้วย ลาวและเวียดนาม จับรถไฟสายที่หนึ่งมาด้วยกัน ระหว่างเดินทางก็พูดคุยกันตามปกติด้วยภาษาไทย ลาว จีน และอังกฤษ เล่นเอาผู้โดยสารอื่นๆ ในขบวนหันมองพวกเราเป็นตาเดียว พวกเขาคงงงว่าเราสื่อสารกันได้อย่างไร
ไม่นานนักเราก็มาถึงโรงละครแห่งชาติอันเป็นที่หมาย พอพ้นจากทางออกรถไฟใต้ดินมา อาคารทรงกลมขนาดใหญ่ที่กรุกระจกโดยรอบก็เหมือนกระโดดเข้ามาอยู่ในสายตาเรา กระจกที่กรุอยู่นั้นถูกออกแบบให้แบ่งเป็นสองสี แต่ขดโค้งสอดคล้องกันเป็นสัญลักษณ์หยินและหยาง อีกทั้งยังมีผืนน้ำล้อมรอบอาคาร ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยทุกประการ
สถานที่ตั้งของโรงละครแห่งชาตินั้นนับว่าโดดเด่นอย่างยิ่ง เพราะตั้งอยู่เคียงข้างกับจตุรัสเทียนอันเหมิน และเยื้องกับพระราชวังต้องห้าม มองดูแล้วช่างขัดแย่งกับสถาปัตยกรรมอื่นที่อยู่รอบข้าง แต่มองในอีกแง่หนึ่งก็สะท้อนถึงความเป็นจีนได้เป็นอย่างดี เพราะจีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และในปัจจุบันได้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมทันสมัยอันดับต้นๆ ของโลก
ที่บริเวณประตูทางเข้านั้นคราคร่ำไปด้วยผู้คนหลากชาติหลากภาษายืนรอคิวเพื่อผ่านเครื่องแสกนรักษาความปลอดภัย ที่หลังจากผ่านไปแล้วยังมีคนมาใช้เครื่องแสกนมือถือแบบที่ใช้ในสนามบินมาตรวจอีกชั้นหนึ่งด้วย นอกจากอาวุธอันตรายแล้ว กล้องดิจิตอล และไฟแช็กยังเป็นสิ่งที่ห้ามนำเข้าไปในโรงละครด้วย
ป้ายโฆษณาละคร
ครั้งนี้ผมได้นั่งแถวที่สองจากด้านหน้าเวที ชิดติดขอบชนิดว่าเห็นอิริบทที่แสดงออกทางใบหน้าของนักดนตรีทุกคน
พอถึงเวลาทุ่มครึ่งตรงเป๊ะ คณะนักดนตรีของวงไชน่า ฟิวฮาร์โมนิก ออร์เคสตรา ก็เดินเข้ามา ทุกคนแต่งด้วยชุดสากลดำอย่างสง่าผ่าเผย และดูสุขุมเข้ากับลักษณะของดนตรีที่พวกเขาเล่น เครื่องดนตรีที่ประกอบในวงวันนั้นได้แก่ ไวโอลิน, วิโอล่า, เชลโล่, ดับเบิ้ลเบส, ฮาร์ฟ, เฟรนช์ฮอร์น, คลาริเน็ต, ฟรุต, ทรัมเป็ต, ทรอมโบน, ไทรแองโกโล, ฉาบ,กลองทิมปานี โดยเว้นไว้แต่เปียโนหลังใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่กลางเวทีรอพระเอกของงานนี้เข้าประจำที่
หลังพิธีการเสร็จเสร็จสิ้น หยางหยาง วาทยกรชื่อดังก็เดินเข้ามาบนเวที นักดนตรีของเขาลุกขึ้นให้เกีรยติต้อนรับ พร้อมเสียงปรบมือสนั่นห้องแสดงคอนเสิร์ต เขาหันไปคำนับผู้ชมหลายครั้งสำหรับเสียงปรบมือ แล้วหันหลังไปทางวง วาดไม้บาตองหนึ่งครั้ง นักดนตรีทุกคนจึงนั่งลง และเมื่อเขาพลิกโน้ตไปที่หน้าแรก และวาดบางตองเป็นสัญญาอีกครั้ง เครื่องดนตรีทุกชิ้นก็ถูกบรรเลงสอดประสานกันในเพลง "คาร์เมน สูต หมายเลข 1" (Carmen Suite No.1) ของ จอร์จ ไบเซ็ต
ลีลาการให้จังหวะวงด้วยไม้บาตองของวาทยกรหยางหยาง ประดุจดังการร่ายเวทย์มนต์ ทุกครั้งที่เขาโกบมือไปทางไหน ที่นั่นก็จะบังเกิดเสียงดนตรีขึ้น และดนตรีนั้นก็ล่องลอยมาสะกดให้ผู้ฟังนิ่งลึกเข้าสู่สมาธิในการฟัง
1 2 3 4 5
|