China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2009-07-21 15:25:41    
นั่งรถไฟไปดูหนังอินโดฯ ที่แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงปักกิ่ง
รายการสถานีต่อไป

cri

งานฉายภาพยนตร์ครั้งนี้ จัดขึ้นโดยกลุ่มนักศึกษาชาวอินโดนีเซียที่รวมหัวกันทำวารสารราย 2 เดือนชื่อ คาเบราวิต (Caberawit) ซึ่งแปลว่าพริกขี้หนู เข้าความหมายในทำนองว่า ถึงจะเล็กแต่ก็คุณภาพดี เพราะสามารถรวมกลุ่มกันออกวาสารภาษาอินโดนีเซียในกรุงปักกิ่งได้ แถมยังมีการจัดกิจกรรมดีๆ เช่นในวันนี้ และยังระดมคนดูได้แน่นขนัดร้าน จนต้องนั่งพื้นชมกัน เพราะเก้าอี้ไม่เพียงพอ

ตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินไปถึง ผมก็ถูกปิดประตูการสื่อสารทันที นานๆ เพื่อนที่ชวนผมไปจึงมาแง้มดูว่าผมยังอยู่ดีหรือเปล่าด้วยภาษาอังกฤษ บางคนก็พยามพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับผมทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพราะผมเป็นชาวต่างชาติในจำนวนไม่ถึง 5 คนที่เข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้

    

              ทางเข้าถนนราตรี               ทางเข้างานฉายภาพยนตร์

เพื่อนผมบอกว่า กำหนดฉายภาพยนตร์คือ 1 ทุ่มตรง แต่อาจจะช้ากว่านั้นหน่อย เพราะคนอินโดนีเซียชอบมาสาย ซึ่งตัวเธอเองนั้นไม่ชอบเลย จึงพยายามมาให้ถึงงานก่อนเวลา ที่ชี้แจงกับผมไว้ก่อน ก็เพราะกลัวว่าผมจะไม่เข้าใจอุปนิสัยของคนประเทศเธอ แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้อินังขังขอบอะไร เพราะมัวง่วนอยู่กับอาหารอินโดนีเซียที่รวมอยู่กับราคาบัตรเข้าชมแล้ว ด้วยความที่ไม่เคยชิมมาก่อน จึงละเลียดอย่างเพลิดเพลิน และพอกินเสร็จก็เป็นเวลาทุ่มครึ่ง ฉากแรกของภาพยนตร์จึงเริ่มเคลื่อนไหวบนจอขนาดเล็ก

ภาพยนตร์เรื่องลาสก้า เปอลังงิ สร้างจากนิยายในชื่อเดียวกัน โดยนักเขียนชื่อ แอนเดรีย ฮิราตะ (Andrea Hirata) เข้าฉายที่อินโดนีเซียเมื่อราวเดือนกันยายนเมื่อปีที่แล้ว และได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ และยังทำให้จังหวัดเบริตัง (Belitung) ทางตอนใต้ของเกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญสำหรับชาวอินโดนีเซียไปเลยทีเดียว รวมถึงดาราเด็กที่แสดงนำในเรื่องนี้ก็มีชื่อเสียงขึ้นมาด้วยเช่นกัน

ร้านไวต์ คอลล่าร์

ลาสก้า เปอลังงิ เป็นเรื่องราวของเด็กยากจนกลุ่มหนึ่งในหมู่บ้าน ที่ได้มีโอกาสเรียนหนังสือในโรงเรียนที่ทำท่าว่าจะเปิดสอนไม่ได้ เพราะไม่มีนักเรียนมาสมัครเลย แต่จนแล้วจนรอด ในวันสุดท้ายที่ชี้ชะตาว่าโรงเรียนนี้จะเปิดต่อไปได้หรือไม่ ก็มีเด็กมาสมัครเข้าเรียนครบ 1 0 คน ตามกำหนดของเขตการศึกษาพอดี จึงสามารถเปิดทำการสอนได้ โดยมีครูทั้งหมด 3 คน คนแรกเป็นครูใหญ่วัยชราที่สู้ฝ่าฟันเพื่อการศึกษาของเด็กนักเรียนด้อยโอกาสมาโดยตลอด อีกคนเป็นครูสาวไฟแรงที่ต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของบิดาในการเป็นครูในอุดมคติที่ไม่เห็นแก่รายได้ในการสอนในโรงเรียนที่ดีๆ และอีกคนเป็นครูชายที่ยังไม่มีที่ไป ซึ่งไม่นานเขาก็จากไป เพราะได้งานใหม่ ปล่อยให้ครูชรากับครูสาวไฟแรงสอนกันเพียงสองคน

1 2 3 4 5