สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกท่าน วันนี้รายการสถานีต่อไป จะนำท่านผู้ฟังออกนอกเส้นทางรถไฟใต้ดิน ไปเสียสักหน่อย สาเหตุเพราะว่าสถานที่ที่เราจะไปเยี่ยมชมกันวันนี้ รถไฟใต้ดินยังสร้างไปไม่ถึง หรือถึงจะสามารถเจาะไปถึงได้ แต่ทางการที่นี่ก็คงไม่ทำ เพราะว่ามันทั้งไกล และอยู่ในเขตภูเขา แถมยังเป็นสถานที่สำคัญทางจิตใจสำคัญของพุทธศาสนิกชน และสำคัญในแง่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ด้านศิลปวัฒนธรรมด้วย
สถานที่แห่งนี้ก็คือ วัดถานเจ๋อซื่อ (Tan Zhe Si) ซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองของกรุงปักกิ่ง
โถงทางเข้าชั้นแรก
สำหรับแฟนรายการสถานีต่อไป ก็สามารถโดยสารรถไฟใต้ดินได้เช่นเคย โดยให้เลือกลงที่สุดสายที่สถานีผิงกั่วหยวน (Pingguoyuan) แล้วโดยสารรถเมล์ติดแอร์เย็นสบายสาย 931 ซึ่งจะไปจอดที่ตีนบันไดหน้าวัดเลย และเมื่อจ่ายค่าผ่านประตูราคา 40 หยวน (เท่ากับค่าเข้ากำแพงเมืองจีน) ก็สามารถเข้าไปชมความยิ่งใหญ่ และความร่วมสงบของวัดที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงปักกิ่งแห่งนี้ได้เลย
ระหว่างทาง รถจะค่อยๆ พาไต่ไปตามไหล่เขา ท่านจะได้เห็นทิศนียภาพสองข้างทาง ซึ่งช่วงนี้อยู่ในช่วงฤดูร้อน จะมีดอกไม้เบ่งบานอยู่บ้าง ในฤดูหนาวใบไม้ร่วงก็จะเห็นลูกท้อเหลืองอร่ามเต็มต้น ภูเขาหัวโล้นมีแต่ลูกใหญ่ๆ ไม่มีขนาดกระจิริดเหมือนที่เมืองไทย เสียอย่างเดียวคือ บนภูเขาไม่ค่อยมีต้นไม้เท่าไรนัก มีให้เห็นเขียวบ้าง ก็เป็นต้นไม้ที่ปลูกขึ้นใหม่เป็นแถวเป็นแนวและยังไม่โตมากนัก เพื่อนชาวจีนเล่าว่า ที่ต้นไม้สูญหายไปนั้นเกิดจากการรบกันในสมัยก่อนของจีน และการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างหนักในช่วงแรก โดยไม่ได้คำนึงถึงธรรมชาติและระบบนิเวศเช่นในปัจจุบัน กว่าจะปลูกต้นไม้ทั้งภูเขาให้กลับมาเขียวครึ้มอย่างในปัจจุบันนั้นใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตคนเลยทีเดียว
นักท่องเที่ยวกำลังเดินเข้าสู่เขตวัด
บางช่วงถนนจะสามารถมองเห็นเมืองปักกิ่งจากมุมสูงและไกลได้ ทำให้เห็นว่าเมืองที่แสนกว้างใหญ่และพลุกพล่าน กลับเล็กลงไปถนัดใจ จนรู้สึกว่ายิ่งเดินทางมากเท่าไร เราก็ยิ่งรู้สึกเล็กลงทุกที ขนาดเมืองที่แสนกว้างใหญ่ยังเล็กลงในสายตาเรา ประสาอะไรกับตัวเราเอง เมื่อเทียบกันแล้ว
แต่สิ่งที่เพิ่มพูนสำหรับนักเดินทางก็คือ ประสบการณ์และมุมมองที่กว้างใหญ่ขึ้นทุกวัน
1 2 3 4 5 6 7
|