ถัดตามทางเดินใต้ร่วมไม้ครึ้มลงไปเป็นวัดเซี่ยงเจี้ย(Xiangjie) หรือวัดสุคนธโลก และเป็นที่รู้จักในชื่อ "วัดผิงโผ" ซึ่งเรียกตามชื่อเนินเขาที่วัดตั้งอยู่ วัดแห่งนี้นับว่าใหญ่ที่สุดในมหาอารามทั้งแปด ในสมัยโบราณเป็นสถานที่เสด็จแปรพระราชฐานของจักรพรรดิ ปัจจุบันมีหอเก็บหนังสือที่สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ซึ่งมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มากมาย รวมทั้งภาพวาด และอักษรภาพ ซึ่งวาดโดยจิตรกรที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ภายในหอเก็บหนังสือยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระกัสปะ พระศากยมุนีและพระศรีอาริยเมตไตร ซึ่งก็คือพระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบันและอนาคต นอกจากนั้นยังมีรูป18 พระอรหันต์ด้วย ทางเข้าสู่วัดปูด้วยกองหินหลายร้อยชั้น ภายในวัดปลูกไม้ดอกและต้นไม้ดูร่มรื่นสวยงาม ที่มุมตะวันออกของวัดมีต้นแมกโนเลียหรือต้นยู่หลันขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้า เล่ากันว่าปลูกมาแต่สมัยราชวงศ์หมิง
ต้นสนมังกร ทางขึ้นวัดเจิ้งกั่ว
เนื่องจากวัดนี้มีขนาดใหญ่มาก จึงถูกแบ่งเป็น 3 ชั้น ตรงชั้นกลางเป็นที่ตั้งของหอกลอง ซึ่งด้านในมีภาพวาดฝาผนังเก่าแก่สวยงาม
ด้านหน้าหอกลองทั้งสองมีต้นสนขนาดยักษ์ที่มีอายุเกินกว่า 500 ปี มีความสูง 14.3 เมตร ลำต้นกว้าง 93 เซนติเมตร และด้วยกิ่งก้านและลำต้นที่ขดไปมาคล้ายมังกรกำลังเล่นน้ำ จึงตั้งชื่อต้นไม้นี้ว่า "ต้นสนมังกร"
ต้นแมกโนเลียหรือต้นยู่หลันขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้า
ถัดมาเป็นอารามแม่ชีหลงฉวน (Longquan) หรือวัดน้ำพุมังกร ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง ที่วัดนี้ได้ชื่อเช่นนี้ เพราะมีน้ำที่ไหลออกมาจากหน้าผาตลอดปี แล้วทางวัดต่อท่อให้ไหลมาลงบ่อโดยผ่านปลายท่อที่เป็นหินแกะสลักรูปหัวมังกร น้ำในบ่อแห่งนี้ใสและจืดสนิท อีกทั้งไม่จับเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ใกล้ๆกับน้ำพุแห่งนี้ยังมีศาลาแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า ศาลาฟังเสียงน้ำพุ ด้านหลังของสระมีศาลเจ้าพญามังกร ซึ่งตามตำนานเชื่อว่าเป็นที่พำนักของพญามังกร
1 2 3 4 5 6 7 8 9
|