ภาพวาดฝาผนังภาพในหอกลอง
แต่ปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นสมาคมน้ำชา มีร้านขายชาให้นั่งจิบคลอเสียงน้ำพุได้ตลอดทั้งวัน
ออกจากวัดมาแล้วทางเดินยังคงเป็นลาดเนินลงไป ซึ่งในแง่แรงโน้มถ่วงโลกแล้ว นับว่าง่ายกว่าเดินขึ้นมาก ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่ร่มรื่นได้มากกว่า เพราะไม่เหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด
ถูอ่างทองเหลืองทำสมาธิ
ระหว่างทางตรงนี้จะมีศาลาชมวิว ซึ่งสามารถเห็นตัวเมืองและเจดีย์วัดหลิงกวง ซึ่งเป็นหัวใจของปาต้าชู่ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นทางแยกเพื่อเดินไปสู่จุดเล่นเคเบิ้ลสไลดิ้งที่มองเห็นไกลๆ ตอนนั่งอยู่บนกระเช้าไฟฟ้า ซึ่งได้แต่มองดู เพราะแม้จะไม่มีโรคประจำตัวที่น่ากลัว แต่โรคประจำใจที่เรียกว่า "โรคขี้ขลาด" ก็ทำหน้าที่ชักเท้าของผมให้เดินต่อไปยังวัดอื่นที่เหลือ ดีกว่าเอาชีวิตไปแขวนไว้บนลวดสลิงเส้นเล็กๆ นั้นเป็นไหนๆ
ด้านหน้าวัดเซี่ยงเจี้ย
วัดที่ตั้งอยู่ในความสูงระดับกลางของเนินเขาลูกนี้ก็คือ วัดต้าเปย (Dabei) หรือวัดแห่งมหากรุณาธิคุณ วัดแห่งนี้มีพระวิหารใหญ่ 3 แห่ง บริเวณรายรอบมีต้นไผ่พันธุ์หายากจำนวนมาก และมีลักษณะพิเศษคือ แม้ฤดูหนาวเหน็บไผ่เหล่านี้ก็ยังคงอวดใบสีเขียวสด อีกทั้งใกล้ๆ กันนั้นมีต้นสนอายุมากว่า 800 ปี ยืนท้ากาลเวลาอยู่ 2 ต้น
1 2 3 4 5 6 7 8 9
|