ระหว่างวันที่ 15-16 ธันวาคม ที่ผ่านมา ส่วนกลางของจีนได้จัดการประชุมงานเศรษฐกิจที่กรุงปักกิ่ง โดยสรุปงานเศรษฐกิจปี 2022 วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในปัจจุบัน และจัดวางงานเศรษฐกิจในปี 2023 ที่ประชุมระบุว่า จะใช้ความแน่นอนจากการพัฒนาคุณภาพสูงรับมือความไม่แน่นอนต่าง ๆ
ที่ประชุมชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างไม่มั่นคง โดยอุปสงค์ลดน้อยลงและอุปทานได้รับผลกระทบ การคาดหวังต่ออนาคตอ่อนลง นอกจากนี้ทั้งเศรษฐกิจและสังคมต่างได้เผชิญความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีความยืดหยุ่น มีศักยภาพ และมีชีวิตชีวา ดังนั้น แนวโน้มที่เศรษฐกิจจีนจะพัฒนาด้วยดีเป็นเวลายาวนานนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ที่ประชุมวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีความเป็นไปได้จะตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เศรษฐกิจจีนมีหวังดีขึ้น เพราะจีนได้ประกาศใช้มาตรการใหม่ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในครึ่งแรกปีหน้าโดยเฉพาะไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า
เพื่อรับมือสถานการณ์ที่จีนมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้น ที่ประชุมกำหนดว่า ปัจจุบันจีนต้องทำงาน 3 ด้านเป็นหลัก คือ
1.เตรียมพร้อมให้ประชาชนมียาใช้และได้รับการรักษาพยาบาลที่ทั่วถึงและเพียงพอ ป้องกันไม่ให้เกิดความตึงเครียดของทรัพยากรด้านการรักษาพยาบาล
2.ประกันให้อุตสาหกรรมการผลิตดำเนินไปอย่างมั่นคง ป้องกันไม่ให้ห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่อุปทานขัดข้อง
3.รักษาเสถียรภาพด้านอุปทานของยาและของใช้ประจำวัน ไม่ให้เกิดความขัดข้องด้านการผลิตหรือการขึ้นราคาสินค้าเป็นอย่างมาก
ที่ประชุมระบุด้วยว่า การอุปโภคบริโภคได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากที่สุด โดยอุปสงค์ในภาพรวมไม่เพียงพอเป็นปัญหาหลักในปัจจุบัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมารายได้ของประชาชนก็ชะลอตัวลง การคาดหวังต่ออนาคตของประชาชนลดน้อยลง ประชาชนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย และการซื้อของก็ไม่สะดวก ชาวบ้านพากันไปฝากเงินที่ธนาคาร
ด้วยเหตุนี้ที่ประชุมจึงเรียกร้องให้จัดการฟื้นตัวและขยายการอุปโภคบริโภคให้อยู่อันดับแรก โดยจะเพิ่มรายได้ของประชาชนผ่านหลายช่องทาง โดยเฉพาะจะเพิ่มรายได้ของกลุ่มชนที่มีรายได้ปานกลางและต่ำซึ่งมีความต้องการสูงด้านการอุปโภคบริโภคและได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 อย่างมาก
นอกจากนี้จะเพิ่มสินเชื่อด้านอุปโภคบริโภคอย่างเหมาะสม อีกทั้งจะสร้างตำแหน่งงาน โดยจะสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตและธุรกิจที่มีความเหนือกว่าด้านการมีงานทำ แก้ปัญหาผลกระทบจากการขึ้นราคาสินค้าอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น พัฒนารถยนต์พลังงานสะอาด สนับสนุนการบริการด้านการดูแลผู้สูงอายุ ด้านการศึกษา ด้านการรักษาพยาบาล ด้านวัฒนธรรม และด้านกีฬา
ในจีนพบธุรกิจเอกชนคิดเป็น 96% ขึ้นไปของธุรกิจทั้งหมด โดยปี 2021 ธุรกิจเอกชนได้สร้างรายได้ภาษาอากรให้แก่บ้านเมืองมากกว่า 59.6% สร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศถึงมากกว่า 60% สร้างผลงานวัตธรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่า 70% และได้สร้างตำแหน่งงานมากกว่า 80 % ธุรกิจภาคเอกชนกลายเป็นพลังสำคัญในการประกันชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การสร้างนวัตกรรม ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพสูง
ปัจจุบัน การประกอบกิจของธุรกิจภาคเอกชนโดยเฉพาะธุรกิจปานกลางและขนาดย่อมได้เผชิญความยากลำบากอย่างมาก เป็นเหตุให้ธุรกิจเอกชนเหล่านี้ขาดแคลนความมั่นใจ และความคาดหวังต่อการพัฒนาในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุมเน้นว่า จะปรับปรุงสิ่งแวดล้อมการพัฒนาของธุรกิจภาคเอกชนให้ดี พัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ปรับปรุงระบบการแข่งขันให้สมบูรณ์และยุติธรรมยิ่งขึ้น คัดค้านลัทธิกีดกันทางการค้า และลัทธิคุ้มครองส่วนท้องถิ่น อีกทั้งจะสร้างโอกาสการพัฒนาให้กับธุรกิจภาคเอกชนด้วย
การพัฒนาเป็นเรื่องสำคัญและเป็นพื้นฐานการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของจีน ที่ประชุมจึงตกลงว่าจะใช้ความแน่นอนจากการพัฒนาคุณภาพสูงรับมือความไม่แน่นอนนานัปการ
ดังนั้น ที่ประชุมกำหนดว่า ปี 2023 จีนจะทำงาน 8 ด้านเป็นสำคัญ ดังต่อไปนี้
1) พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของบ้านเมือง
2) เสริมทักษะการควบคุมอัตโนมัติของห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่อุปทาน
3) ขยายความต้องการภายในประเทศ
4) ดำเนินการปฏิรูปและเปิดกว้างอย่างรอบด้าน
5) จัดการปัญหาเกี่ยวกับเมล็ดพืชและปัญหาไร่นาให้ดี
6) คัดค้านการผูกขาด และป้องกันไม่ให้ต้นทุนขยายอิทธิพลอย่างไม่มีระเบียบ
7) แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ของจีน
8) ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดในปี 2030 และจะมุ่งหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2060
(YING/Zhou)