เช้าวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.2024 มีการจัดประชุมอย่างยิ่งใหญ่เพื่อรำลึกครบรอบ 70 ปีการประกาศหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ร่วมการประชุมและกล่าวสุนทรพจน์หัวข้อ “เชิดชูหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จับมือสร้างประชาคมมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกัน”
หลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติเป็นคำคุ้นหูสำหรับชาวจีน
เมื่อ 70 ปีก่อน การดำเนินการเพื่อความเป็นเอกราชและปลดปล่อยชาติเอเชีย-แอฟริกา-ลาตินอเมริกาเป็นไปอย่างคึกคัก ประเทศเกิดใหม่มีความปรารถนาที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เสมอภาค ภายใต้ภูมิหลังนี้ ผู้นำจีนเสนอหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติที่ครบถ้วนเป็นครั้งแรก เมื่อเผชิญกับประเด็นสำคัญซึ่งรวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการส่งเสริมการพัฒนาและสันติภาพของโลก ผู้คนรุ่น 70 ปีก่อนได้ให้ “คำตอบที่เป็นประวัติศาสตร์” ซึ่งก็คือหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
วันนี้หลัง 70 ปี จีนได้ให้ “คำตอบแห่งยุค” ซึ่งก็คือ การสร้างประชาคมมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกัน แล้วจาก “คำตอบที่เป็นประวัติศาสตร์” ถึง “คำตอบแห่งยุค” มีการสืบทอดอย่างไร? สร้างแรงบันดาลใจอย่างไร?
นายสี จิ้นผิงระบุในสุนทรพจน์ว่า กระบวนการในประวัติศาสตร์การพัฒนาสังคมมนุษย์ในยุคใกล้และปัจจุบัน การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมพิทักษ์สันติภาพและความสงบสุขของโลก การส่งเสริมการพัฒนาและความก้าวหน้าของมวลมนุษย์ เป็นประเด็นสำคัญที่ประเทศต่าง ๆ แสวงหาอย่างไม่ลดละมาโดยตลอด เมื่อ 70 ปีก่อน ผู้นำจีนเสนอหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติที่ครบถ้วนเป็นครั้งแรก ซึ่งได้แก่ การเคารพอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนซึ่งกันและกัน, ไม่รุกรานกัน, ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศซึ่งกันและกัน, ให้ความเสมอภาคและอำนวยประโยชน์แก่กัน, อยู่ร่วมกันอย่างสันติ หลัก 5 ประการดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กลายเป็นแนวทางในปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีความสำคัญแห่งยุค
นายสี จิ้นผิงย้ำว่า ให้หลัง 70 ปีในวันนี้ เมื่อเผชิญกับประเด็นสำคัญที่ว่า “เราควรจะสร้างโลกแบบไหนและจะสร้างโลกนี้ได้อย่างไร?” จีนได้ให้คำตอบแห่งยุคสมัยนั่นก็คือ การสร้างประชาคมมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกัน โดยแนวคิดการสร้างประชาคมมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกัน มีต้นกำเนิดเดียวกันกับหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์การทูตจีนที่เชื่อมั่นในตนเอง พึ่งพาตนเอง ยึดมั่นความยุติธรรม ช่วยเหลือผู้อ่อนแอและเชิดชูคุณความดี ล้วนแสดงถึงเจตนาของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่สร้างคุณูปการใหม่ให้กับมนุษย์มากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของจีนในการยืนหยัดหนทางการพัฒนาอย่างสันติ เป็นการสืบทอด เชิดชู ต่อยอดหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในยุคใหม่ โดยแนวคิดนี้ตั้งอยู่บนสภาพความเป็นจริงที่ว่าชะตากรรมของประเทศต่าง ๆ เกี่ยวพันกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ได้สร้างแบบฉบับใหม่ของความเสมอภาคและการอยู่ร่วมกัน สอดคล้องกับกระแสหลักแห่งยุคในด้านสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือและได้ชัยชนะร่วมกัน ได้เปิดศักราชใหม่แห่งสันติภาพและความก้าวหน้า มุ่งเน้นไปที่แนวโน้มทางประวัติศาสตร์ของโลกหลายขั้วและโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ ได้สร้างแนวปฏิบัติใหม่ในการพัฒนาและความมั่นคง
ในฐานะประเทศผู้ริเริ่มหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จีนจะยังคงสานต่อหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติต่อไป และจับมือกับประเทศต่าง ๆ สร้างประชาคมมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกันอย่างไร?
ในสุนทรพจน์ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างจริงจังต่อทั่วโลกว่า ความมุ่งมั่นของจีนในการเดินบนหนทางการพัฒนาอย่างสันติจะไม่เปลี่ยนแปลง ความมุ่งมันของจีนที่จะดำเนินความร่วมมือฉันมิตรกับประเทศต่าง ๆ จะไม่เปลี่ยนแปลง ความมุ่งมันของจีนที่ส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันของทั่วโลกจะไม่เปลี่ยนแปลง “นับจากนี้จนถึงปีค.ศ. 2030 ยอดการนำเข้าของจีนจากประเทศกำลังพัฒนาคาดว่ามากกว่า 8ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ” นี่ก็คือท่าทีที่เด่นชัดของจีน
ในวันนั้น(28 มิถุนายน ค.ศ.2024) มีกว่า 600 คนรวมตัวกันที่ห้องโถงสีทองของมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง โดยมีบุคคลสำคัญจากเวียดนาม เมียนมาร์ แอฟริกาใต้ เอธิโอเปีย บราซิล ฝรั่งเศส ไทย เป็นต้น
นายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยที่เดินทางมาจีนเพื่อร่วมการประชุมรำลึกครบรอบ 70 ปีการประกาศหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกล่าวว่า หลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญจีน แสดงถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของจีน สะท้อนให้เห็นถึงหลักการพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยังคงมีความสำคัญในทางปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน การสร้างประชาคมมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกันได้ใส่ความหมายใหม่ๆของยุคเข้าไปในหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งสอดคล้องกับข้อริเริ่มสำคัญ 3 ประการที่เสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แก่ ข้อริเริ่มเพื่อการพัฒนาของโลก ข้อริเริ่มเพื่อความมั่นคงของโลก และข้อริเริ่มว่าด้วยอารยธรรมของโลก ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อโลกปัจจุบัน โดยไทยยินดีจับมือกับจีนและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ส่งเสริมการสร้างประชาคมมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกัน และร่วมกันสร้างโลกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผลมากขึ้น
ดังที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวไว้ “เรากำลังวางแผนและดำเนินมาตรการสำคัญเพื่อการปฏิรูปอย่างลึกครอบคลุมยิ่งขึ้น ขยายการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง และสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มุ่งเน้นตลาดที่มีบริหารตามกฎหมายและเป็นสากลมากขึ้น” นี่คือมาตรการที่ทรงพลังของจีน จีนจะยังคงชูหลักห้าประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ และให้การสนับสนุนใหม่ๆ ที่ยิ่งใหญ่กว่าในการพิทักษ์สันติภาพของโลก และส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน
เขียนโดย ชุย อี๋เหมิง ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)