เขตการค้าเสรีจีนอาเซี่ยนจะก่อตั้งขึ้นในวันที่ 1 มกราคมปี2010 นี่เป็นเหุตการณ์สำคัญในประวัติความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อาเซียน และเป็นผลสรุปของความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ การค้า สังคมและวัฒนธรรมระหว่างจีน-อาเซียนในช่วง 18 ปีที่ผ่านมาหลังจากทั้งสองฝ่ายเริ่มปรึกษาหารือกันเมื่อปี 1991 เป็นต้นมา เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา นางเซวีย ห้านฉิน เอกอัครราชทูตจีนประจำอาเซียนคนแรกได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอเกี่ยวกับการพัฒนาความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียน
ขณะทบทวนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อาเซียนในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา นางเซวีย ห้านฉินเอกอัครราชทูตจีนประจำอาเซียนรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่ามกลางวิกฤติการเงินโลก จีน-อาเซียนยังคงมีการไปมาหาสู่กันในระดับสูง ในช่วงที่วิกฤติการณ์มีความรุนแรงเมื่อเดือนเมษายนปี 2009 นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่าได้เสนอแผนเบ็ดเสร็จเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินระหว่างจีน-อาเซียน ซึ่งได้สร้างความมั่นใจให้แก่ประเทศสมาชิกต่าง ๆ ของอาเซียนในการรับมือกับวิกฤติ ขณะเดียวกัน การสร้างสรรค์เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนยังคงก้าวหน้าอย่างคงเส้นคงวา เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2009 ทั้งสองฝ่ายลงนามข้อตกลงทางการค้าซึ่งเป็นข้อตกลงฉบับสุดท้ายของกรอบข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีน-อาเซียน ท่านทูตเซวียให้ความเห็นว่า ภายใต้ภูมิหลังวิกฤติ ความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียนได้ประสบผลสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ว่า การที่ทั้งสองฝ่ายดำเนินความร่วมมือแบบปรึกษาหารือกันฉันมิตรและอำนวยประโยชน์แก่กันเพื่อได้รับชัยชนะร่วมกันนั้นมีความหมายสำคัญอย่างยิ่งยวด ท่านทูตเซวีย กล่าวว่า "ระหว่างการพัฒนาความร่วมมือฉันมิตรระหว่างจีน-อาเซียน ทุกครั้งที่เราเผชิญวิกฤติ ทั้งสอฝ่ายต่างก็สามารถเพิ่มพูนความเชื่อถือทางการเมืองโดยผ่านความร่วมมือและการร่วมทุกข์ร่วมสุข ปี 2009 ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อทบทวนผลงานที่เกิดขึ้นอย่างมากมายจากความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียนในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา ดิฉันในฐานะเอกอัครรราชทูตจีนประจำอาเซียนรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง"
ขณะนี้ อาเซียนกำลังผลักดันการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มที่ ส่วนจีนกำลังส่งเสริมการสร้างสังคมที่พอกินพอใช้อยู่ ในช่วงประวัติศาสตร์เช่นนี้ นางเซวีย ห้านฉินเอกอัครราชทูตจีนประจำอาเซียนเห็นว่า การก่อตั้งเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนขึ้นเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ เธอกล่าวว่า "ความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออก ดิฉันเห็นว่า "10+1"เป็นฐาน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้า การผลักดันการสร้างสรรค์เขตการค้าเสรีควรถือ "10+1"เป็นฐาน ถ้าการทดลองนี้ประสบความสำเร็จ จะผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคนี้เป็นอย่างมาก จีนกำลังอยู่ในช่วงสำคัญแห่งการพัฒนา ส่วนอาเซียนกำลังผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยผ่านกระบวนการการรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายเหมือนกัน ถ้าการสร้างสรรค์เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนสามารถคืบหน้าอย่างมาก ย่อมจะขับเคลื่อนการพัฒนาของภูมิภาคนี้ และมีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันการรวมตัวของอาเซียน ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและการเปิดประเทศของจีนด้วย ด้วยเหตุนี้ การสร้างสรรค์เขตการค้าเสรีจึงมีความสำคัญมาก จำเป็นต้องผลักดันให้เขตการค้าเสรีพัฒนาอย่างมั่นคง"
เมื่อพูดถึงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน คำที่นางเซวีย ห้านฉินเอกอัครราชทูตจีนประจำอาเซียนใช้บ่อยมากที่สุดของท่านทูตเซวียคือ "อำนวยประโยชน์แก่กันเพื่อได้รับชัยชนะร่วมกัน" เธอเห็นว่า เมื่อเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว การเติบโตทางการค้าระหว่างจีน-อาเซียนจะเพิ่มขึ้นทั้งสองฝ่าย การอำนวยประโยชน์แก่กันเพื่อได้รับชัยชนะร่วมกันจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาด้วยดีของเขตการค้าเสรี ท่านทูตเซวียกล่าวว่า "การที่จีน-อาเซียนพัฒนาความสัมพันธ์ แท้ที่จริงคือพัฒนาความร่วมมือระหว่างใต้กับใต้ และก็พัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา เพราะฉะนั้น การสร้างเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนจำเป็นต้องพิจารณาจากการสร้างประโยชน์แก่ทั้งประชาชนจีนและประชาชนอาเซียน จำเป็นต้องอำนวยประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายและให้ทั้งสองฝ่ายได้รับชัยชนะร่วมกัน"