เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายฉินกัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า ฝ่ายจีนเรียกร้องให้สหรัฐ ฯ พิจารณาปัญหาสิทธิมนุษย์ชนของตัวเองอย่างจริงจัง อย่าถือตัวเองเป็น "ผู้พิทักษ์สิทธิมนุษย์ชน" หยุดการแซกแทรงกิจการภายในของประเทศอื่นด้วยวิธีการประกาศรายงานสิทธิมนุษย์ชน ประเทศต่าง ๆ อาทิ รัสเซีย อียิปต์และโคลอมเปีย เป็นต้นก็แถลงว่า ไม่ยอมรับการโจมตีจาก"รายงานสิทธิมนุษย์ชนของประเทศต่าง ๆ ปี 2009"ของสหรัฐ ฯ ที่แสดงความคิดเห็นเรื่องสิทธิมนุษย์ชนของตนอย่างเด็ดขาด สื่อมวลชนโลกหลายแห่งออกบทวิจารณ์ว่า ตั้งแต่ทศวรรษปี 1977 เป็นต้นมา สหรัฐ ฯ จะมีการประกาศรายงานลักษณะดังกล่าวแต่ละปี แต่เนื้อหาบางส่วนของรายงานไม่ได้ตั้งอยู่บนพือนฐานความจริง ไม่ถูกต้องตามหลักความจริง
นายฉางเจี้ยนรองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสิทธิมนุษย์ชนมหาวิทยาลัยหนานไคเมืองหนานจิงกล่าวขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอว่า
"รายงานสิทธิมนุษย์ชนของประเทศต่าง ๆ "ของสหรัฐ ฯ ที่จริงเป็นเครื่องมือทางการทูต ซึ่งไม่มีความตั้งใจในการพัฒนากิจการสิทธิมนุษย์ชนของโลก แต่เป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมและประณามประเทศอื่น ๆ การที่สหรัฐ ฯ ประณามและควบคุมประเทศอื่นด้วยปัญหาการเมือง อันที่จริง มีความมุ่งหมายทางเศรษฐกิจบ้าง โดยเฉพาะปัจุับัน ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่กำลังพัฒนาอยู่ สหรัฐฯ จึงเกิดความรู้สึกที่เผชิญกับแรงกดดัน จึงหาปัญหาต่าง ๆ ใส่ร้ายและบีบกดประเทศเหล่านี้ เพื่อยับยั้งการพัฒนาของประเทศเหล่านี้ "
จาก"บันทึกสิทธิมนุษย์ชนของสหรัฐ ฯ ปี 2009" ที่ประกาศโดยคณะรัฐมนตรีจีนนั้นเห็นได้ว่า สหรัฐฯ ยังคงมีปัญหาต่าง ๆ อาทิ กลุ่มผู้ยากจนจำนวนมาก การกระทำผิดกฎหมายด้วยการใช้กำลังรุนแรง การดูถูกชนเผ่าสีผิวต่างกัน ตลอดจนการล่วงละเมิดสิทธิประโยชน์ของสตรีและเด็ก เป็นต้น ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ มีปัญหาสังคมอย่างมากภายในประเทศก็ตาม แต่ก็ยังคงประณามประเทศอื่นตามใจชอบ และมองข้ามปัญหาสิทธิมนุษย์ชนของประเทศตน กระทั่งถือธงที่ว่า "ประชาธิปไตย เสรีภาพ" เพื่อเผยแพร่ลัทธิความเป็นใหญ่ของตน ทั้งนี้ล้วนเพื่อการมุ่งหมายด้านสิทธิประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของตน นายฉางเจี้ยนชี้ให้เห็นว่า สหรัฐฯ เคยก่อภัยพิบัติด้านสิทธิมนุษย์ชนหลายครั้งต่อชาวโลก สหรัฐฯ ต้องทบทวนความผิดของตนอ หากมิใช่ประณามประเทศอื่นตามใจชอบ เขากล่าวว่า
"วิกฤตการเงินโลกครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการกระทำที่ไม่รับผิดชอบของกลุ่มผู้บริหารในวอลล์สตรีต แหล่งกำเนิดอยู่ในสหรัฐฯ วิกฤตการเงินครั้งนี้มิเพียงแต่เป็นภัยพิบัติสำหรับประชาชนสหรัฐฯ เท่านั้น ทั้งยังเป็นภัยพิบัติสำหรับชาวโลก การกระทำหลายอย่างของสหรัฐฯ ทำให้หลาย ๆ ประเทศเกิดความผันผวนทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและล่วงละเมิดสิทธิมนุษย์ชนของชาวโลกส่วนใหญ่"
(Ppan/Lin)