เมื่อเร็วๆ นี้ นางหยาง ฮุ่ยเจวียน อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์เอเชียสอง ซีอาร์ไอ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีภาคภาษาไทย

นางหยาง ฮุ่ยเจวียน: เข้ามาทํางานในภาคภาษาไทยเมื่อปี 1962 เป็นบรรณาธิการในภาคภาษาไทย รับผิดชอบเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประเทศจีน เช่น วิถีทางการเมือง สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีนให้ผู้ฟังรับทราบค่ะ

ผู้สื่อข่าว: มีจดหมายของผู้ฟังที่สะท้อนว่ารายการของซีอาร์ไอที่ทําไปเขาพอใจเขาชอบใจอะไรบ้าง

นางหยาง ฮุ่ยเจวียน: หลังจากเราได้ทํารายการแนะนําชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีนแล้ว ภาคภาษาไทยได้รับจดหมายจากท่านผู้ฟังเป็นจํานวนมาก ในเวลานั้น เราได้รับจดหมายจากผู้ฟังมากมายทุกปี ดิฉันไม่ได้ตอบจดหมายท่านผู้ฟังโดยตรง แต่ดิฉันเคยทํารายการตอบจดหมายท่านผู้่ฟัง เป็นรายการตอบคําถามผู้ฟัง เมื่อผู้ฟังฟังรายการของภาคภาษาไทยแล้ว ยังอยากรู้อยากทราบเรื่องอื่นๆ ก็เขียนจดหมายมาถาม ซึ่งดิฉันพบว่า ผู้ฟังคนไทยสนใจจีนในทุกๆ ด้าน รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีน การพัฒนาของเมืองจีน ตลอดจนเผ่าในเมืองจีน ดิฉันจําได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง เราได้ออกอากาศนวนิยายเรื่อง"สาวตาบอดจีน" มีผู้ฟังซึ่งส่งจดหมายถึงภาคภาษาไทยบอกว่าเขาเป็นคนพิการ เมื่อได้ฟังรายการนวนิยาย"สาวตาบอดจีน"แล้ว รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ให้กําลังใจแก่เขาให้ใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญในวันต่อไป

ผู้สื่อข่าว: จากการที่ท่านเป็นอดีตผู้อํานวยการศูนย์เอเซีย 2 ในการทํางานของท่านแน่นอนว่าก็คือสร้างความสัมพันธ์ไม่เฉพาะกับประเทศไทยเท่านั้น กับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนด้วย ท่านเห็นว่าซีอาร์ไอมีบทบาทในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียนอย่างไร

นางหยาง ฮุ่ยเจวียน: ตอนนั้นศูนย์เอเซีย 2 เรียกว่ากองเอเซียที่ 2 มี 4 ภาคภาษาด้วยกัน ไม่เหมือนทุกวันนี้ ก็คือภาคภาษาไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย 4 ภาคภาษานี้ต่างก็มีผู้ฟังจํานวนมาก ได้รับจดหมายจากผู้ฟังเยอะแยะ ดิฉันจําได้ว่าในเวลานั้นทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนจํานวนไม่น้อย เราได้จัดคณะผู้แทนไปเยือนด้วย ดิฉันเคยนําคณะไปฟิลิปปินส์ และเจ้าหน้าที่ภาคภาษามาเลเซียก็ได้จัดคณะไปเยือนมาเลซีย การแลกเปลี่ยนเหล่านี้ได้เพิ่มพูนความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในเวลานั้นรวมทั้งปัจจุบัน ซีอาร์ไอของเราได้กระชับมิตรภาพระหว่างประชาชนไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซียกับประชาชนจีน ซีอาร์ไอเป็นสะพานมิตรภาพ เพิ่มพูนความเข้าใจกระชับมิตรภาพ