รายงานระบุ ปี 2009 สภาพการขาดดุลทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้ารายสำคัญนั้น มีแนวโน้มผ่อนคลายลง ตัวเลขแดงบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำสุดของช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่า คู่ค้ารายสำคัญของสหรัฐฯ ไม่มีการกระทำด้านการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างเงินตราของตนกับดอลล่าร์สหรัฐฯ เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าอย่างไม่เสมอภาค
สำหรับข้อสรุปดังกล่าวของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นายอัลเบิร์ต เกียเดล นักวิจัยอวุโสของคณะกรรมธิการแอตแลนติกสหรัฐฯ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังเห็นว่า รายงานดังกล่าวได้ใช้ตัวเลขและข้อเท็จจริงจำนวนมาก แสดงให้ว่า จีนไม่ใช่ "ประเทศควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา" ดังนั้น เป็นการสรุปที่ตรงไปตรงมา เขากล่าวว่า
"ผมเห็นว่า กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไม่ได้จัดให้จีนเข้าในบัญชีรายชื่อประเทศที่ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรานั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เรารู้ว่า การโต้เถียงเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลเหรินหมินปี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังของปีที่แล้ว แต่สภาพที่เป็นจริงคือ ครึ่งหลังของปีที่แล้ว ความได้เปรียบทางการค้าของจีนต่อสหรัฐฯ ลดลง 50% ดังนั้น คำพูดที่ว่าจีนได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เสมอภาคจากการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรานั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีหลักฐาน นักเศรษฐศาสตร์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จึงไม่สามารถมีข้อสรุปว่า จีนได้ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในครึ่งหลังของปีที่แล้ว"
ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีที่แล้วนั้น เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มฟื้นฟูแต่ยังไม่มั่นคง อัตราว่างงานยังคงสูงอยู่ ทำให้มีการหยิบปัญหาค่าเงินหยวนมาถกเถียงกันอีก เดือนมีนาคมที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภาของสหรัฐฯ หลายคนมีสาส์นถึงนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องรัฐบาลสหรัฐฯ จัดให้จีนเข้าสู่บัญชีรายชื่อประเทศที่ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และเก็บภาษีต่อต้านการชดเชยต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน ขณะเดียวกัน สมาชิกสภากว่า 10 คนรวมถึงนายชาร์ลส์ ซูเมอร์ ประกาศว่ากำลังร่างมติใหม่เกี่ยวกับปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา การกระทำเหล่านี้ทำให้บุคคลในแวดวงที่เกี่ียวข้องส่วนหนึ่งเกิดความกังวลว่า ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐฯ เห็นด้วยและออกมาตรการที่เกี่ยวข้อง คงจะทำให้เกิดการปะทะทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่รายงานดังกล่าวของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงให้ความสำคัญอย่า่งมากต่อการรักษาความสมัพันธ์ทางการค้ากับจีน นายอัลเบอร์ต เกียเดลกล่าวว่า
"รายงานดังกล่าวเป็นการตัดสินใจอย่างถูกต้องแบบมืออาชีพ ได้รักษาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ให้ดำเนินไปอย่างมั่นคง แม้ว่ายังคงมีแรงกดดันจากรัฐสภาไม่น้อย บางคนประณามว่า รัฐบาลมีท่าทีอ่อนแอต่อจีน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถต้านแรงกดดันทางการเมืองหลังจากได้พิจารณาหลักฐานและข้อเท็จจริงต่าง ๆ กระทรวงการคลังไม่ได้ถูกควบคุมจากอิทธิพลทางการเมือง และไม่ได้ใช้มาตรการกีดกันทางการค้า"
อันที่จริง จีนก็ได้ใช้ความพยายามในด้านการเพิ่มความยืดหยุ่นของอัตราแลกเปลี่ยนเงินเหรินหมินปี้มาโดยตลอด ก่อนเปิดการประชุมสุดยอดกลุ่มจี 20 ธนาคารกลางของจีนก็ได้ประกาศว่าจะส่งเสริมการปฏิรูปกลไกอัตราแลกเปลี่ยนเงินเหรินหมินปี้ ซึ่งได้รับการชื่นชมจากบุคคลวงการการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างมาก และเห็นว่า การปฏิรูปของระบบแลกเปลี่ยนเงินเหรินหมินปี้ มีส่วนช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะทางการค้ากับสหรัฐฯ และเพิ่มพูนความมั่นใจของตลาดโลก
(Ton/Lin)