ศูนย์เกณฑ์ทหารแห่งหนึ่งในกรุงแบกแดด เมืองหลวงอิรักเกิดเหตุการณ์ระเบิดแบบพลีชีพเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายกว่าร้อยคน นับเป็นเหตุระเบิดร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในกรุงแบกแดดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลร่วมระหว่างพรรคไอแอล (iraqia list) กับพรรคเอสโอแอลซี (state of law coalition) ซึ่งเป็นพรรคพันธมิตรของอิรักประสบความล้มเหลว ทำให้หนทางในการเจรจาความร่วมมือเพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่ได้พยายามมาเป็นเวลาหลายเดือนต้องประสบกับความยากลำบากยิ่งขึ้น

เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 07:30 น. สถานที่เกิดเหตุอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ตึกกระทรวงกลาโหมอิรักเก่าสมัยที่ซัดดัม ฮุดเซนยังเป็นผู้นำ โดยปัจจุบันที่นี่เป็นศูนย์เกณฑ์ทหาร ในแต่ละสัปดาห์จะเกณฑ์ทหารใหม่ประมาณ 250 นาย ผู้ก่อเหตุระเบิดพกลูกระเบิดไว้กับตัว คาดว่าเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คน และได้รับบาดเจ็บ 125 คน

เหตุดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ชัดเจนว่าต้องการอาคารที่เป็นศูนย์เกณฑ์ทหาร เพื่อหยุดย้ำภารกิจการเกณฑ์ทหารใหม่เข้าสู่กองทัพอิรัก ทั้งนี้ตามแผนการถอนทหารของสหรัฐฯ ก่อนปลายเดือนสิงหาคมนี้ สหรัฐฯ จะถอนหน่วยทหารรบทั้งหมดออกจากอิรัก ส่วนเจ้าหน้าที่อื่นๆ จะถอนตัวออกจากอิรักทั้งหมดก่อนสิ้นปี 2011 ด้วยเหตุนี้ ท้องที่ต่างๆ ของอิรักจึงดำเนินการเกณฑ์ทหาร เพื่อเสริมกำลังทางทหารภายหลังทหารสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากอิรัก

สถานการณ์วุ่ยวายในอิรักมีความเกี่ยวพันโดยตรงกับการเกิดช่องว่างทางการเมืองอิรักในปัจจุบัน ในการเลือกตั้งทั่วประเทศของอิรักที่ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา พรรคไอแอล (iraqia list) นำโดยนายอิยัด อัลลาวี อดีตนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชั่วคราวได้มา 91 ที่นั่ง พรรคเอสโอแอลซี (state of law coalition) ที่นำโดยนายนูรี อัล มาลิกิ นายกรัฐมนตรีอิรักได้ 89 ที่นั่ง พรรคไอเอ็นเอ (Iraqi National Alliance) ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมนิกายชิอะห์ได้ 70 ที่นั่ง และพรรคพันธมิตรชาวเคิร์ด (Kurdistan Alliance) ได้ 42 ที่นั่ง เนื่องจากไม่มีพรรคใดได้รับเสียงข้างมากของ 325 ที่นั่งทั้งหมด ดังนั้น พรรคการเมืองฝ่ายต่างๆ ของอิรักจึงมีข้อขัดแย้งกันในปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลร่วม ทำให้การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลต้องยืดเยื้อติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน โดยไม่มีผลคืบหน้าแต่อย่างใด

การเลือกตั้งทั่วประเทศของอิรักได้ผ่านมากว่า 5 เดือนแล้ว แต่สถานการณ์ในปัจจุบันคือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ตกอยู่ในภาวะชะงักงัน อีกทั้งมีเหตุการณ์ใช้กำลังรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้ง ตามข้อตกลงของรัฐบาลสหรัฐฯ กับอิรักระบุว่า กองทัพสหรัฐฯ จะถอนหน่วยทหารรบทั้งหมดออกจากอิรักก่อนเดือนกันยายนศกนี้ จะเหลือเพียงเจ้าหน้าที่ พลเรือน 50,000 นายประจำที่อิรักต่อไป เพื่อให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ทหารรักษาความมั่นคงของอิรัก ซึ่งเจ้าหน้าที่พลเรือนเหล่านี้ก็จะถอนตัวออกจากอิรักทั้งหมดก่อนปลายปี 2011 สหรัฐฯ ถอนกำลังทหารออกจากอิรักครั้งนี้ ทำให้สื่อมวลชนต่างๆ กังวลว่าสถานการณ์ความสงบในอิรักจะยังรักษาไว้ได้หรือไม่

PL/QI/KT