ในกระแสใหม่ที่วงการเมืองและวงการธุรกิจของสหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินหยวนของจีน นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ก็เพิ่มแรงกดดันนี้ด้วย โดยในวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ได้กล่าวขณะเข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฏรของสหรัฐฯ ว่า จีนดำเนินการยืดหยุ่นค่าเงินหยวนค่อนข้างช้า ดังนั้น สหรัฐฯ จะวิจัยความเป็นไปได้และแผนที่สามารถดำเนินการได้ในการเรียกร้องจีนให้เร่งรัดการขึ้นค่าเงินหยวน แต่บรรดาสมาชิกสภาและนักเศรษฐศาสตร์เห็นว่า การใช้วิธีบัญญัติกฏหมายเพื่อบังคับให้จีนขึ้นค่าเงินหยวนจะไม่สามารถแก้ปัญหาการค้าของสหรัฐฯ ได้ แต่กลับจะทำลายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ได้เข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับค่าเงินหยวนของคณะกรรมธิการธนาคารในสภาผู้แทนราษฏรและคณะกรรมธิการจัดสรรงบประมาณของวุฒิสภาตามลำดับ โดยกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรว่า สหรัฐฯ ก็เช่นเดียวกันกับคู่ค้าอื่นๆ ของจีนที่ให้ความสนใจอย่างมากกับค่าเงินหยวน และเห็นว่าจังหวะการขึ้นค่าเงินหยวนช้าไปและอยู่ในเพดานที่จำกัด เขาเรียกร้องให้จีนอนุมัติขึ้นค่าเงินหยวนอย่างชัดเจนและต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังทางตลาดอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังพิจารณาจะใช้มาตรการทางการค้าที่เข้มงวดยิ่งขึ้นต่อจีน
ต่อมาตรการรับมือกับปัญหาค่าเงินหยวนที่เสนอโดยสมาชิกสภาฯ นายทิโมธี ไกธ์เนอร์กล่าวว่าจะยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับค่าเงินหยวนในที่ประชุมกลุ่มจี 20 ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนศกนี้ เพื่อร่วมมือกับคู่ค้าอื่นๆ เพิ่มแรงกดดันให้จีน ในการเร่งรัดการขึ้นอัตราค่าเงินหยวนให้เร็วขึ้น แต่สำหรับข้อเรียกร้องของสมาชิกสภาฯ บางคนที่จะจัดจีนให้เข้าอยู่ในบัญชีรายชื่อ"ประเทศที่ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา"ในรายงานนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของคู่ค้าสำคัญในครึ่งหลังของปีของกระทรวงการคลังนั้น นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ยังกังขาว่าการกระทำเช่นนี้จะได้ผลหรือไม่ และเห็นว่าก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะบรรลุผล เขากล่าวว่า นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจะไม่เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ แต่จะทำให้เกิดปัญหาได้จริง มาตรฐานที่จะใช้ตรวจสอบระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนของจีนว่าจะส่งผลดีหรือไม่ในที่สุดก็คือการที่จีนอนุมัติให้ขึ้นค่าเงินหยวนในอัตราความเร็วและอัตราการเพิ่มค่าเงินมากน้อยเพียงไร
แต่สิ่งที่น่าจับตามองคือ นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ยังกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ตลาดของจีนมีความสำคัญอย่างมากต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เขากล่าวว่า ปัจจุบัน จีนเป็นตลาดต่างประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดของสหรัฐฯ จีนทำให้ประชากรนับล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน ปัจจุบัน จีนกำลังเร่งรัดผลักดันการเติบโตของจำนวนประชากรชนชั้นกลาง และส่งเสริมการขยายความต้องการในการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสของอุปสงค์ในสินค้าและการบริการให้กับสหรัฐฯ เขายังกล่าวว่า โดยผ่านการขยายตัวทางการค้าและการลงทุนในจีนจะเป็นการเพิ่มโอกาสแก่ธุรกิจและแรงงานของสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น เพื่อบรรลุถึงข้อริเริ่มการส่งออกของประธานาธิบดีโอบามา และเป็นส่วนสำคัญที่จะบรรลุถึงนโยบายการมีงานทำด้วย สุดท้าย เขาย้ำว่า นโยบายที่มีต่อจีนของรัฐบาลโอบามาเป็นหลักประกันของสหรัฐฯ ในการมีโอกาสมากยิ่งขึ้นในตลาดจีน
NL/ZHOU/KT