หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว นายตีม มูร์ฟี ผู้เริ่มเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวจากพรรคริพับลิกัน กล่าวว่า
"การค้าที่ไม่เสมอภาคของจีนทำให้โอกาสการมีงานทำของชาวอเมริกันน้อยลงประมาณ 2.5 ล้านตำแหน่ง และขาดดุลการค้าต่อจีนคิดเป็น 283,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี นอกจากนั้น จีนยังมีพันธบัตรสหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 800,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การเติบโตของจีดีพีของจีนก็เร็วกว่าสหรัฐฯ อย่างมาก ดังนั้น เราจะผลักดันให้วุ็๋๋ฒิสภาลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว และขอให้ประธานาธิบดีลงนามเพื่อให้กลายเป็นกฎหมาย ถ้าเราไม่ทำเช่นนี้ ก็จะทำให้โอกาสการมีงานทำของเราสูญเสียต่อไป"
ถ้าหากร่างกฎหมายดังกล่าวกลายเป็นกฎหมาย สหรัฐฯ ก็สามารถปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการค้า และมอบอำนาจให้กับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มากขึ้น ทำให้สามารถเก็บภาษีศุลกากรพิเศษต่อสินค้าที่นำเข้าจากประเทศที่สหรัฐฯ เห็นว่ามีพฤติกรรมกดดันค่าเงินของประเทศตนให้อ่อนค่าเกินจริง เนื่องจากสหรัฐฯ มีความเห็นมาโดยตลอดว่า จีนได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศตนให้ต่ำมากเกินไป การนี้หมายถึงสหรัฐฯ จะเก็บภาษีศุลกากรพิเศษต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนบางอย่าง แต่นางซูซัน ชวาบ อดีตผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่ปรึกษาทางยุทธศาสตร์ของสำนักงานทนายความรอบโลก เมย์เออร์ บราวน์ สาขากรุงวอชิงตันดีซี เห็นว่า
"การที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว คงไม่เกิดผลกระทบที่แท้จริง กระทั่งวุฒิสภาได้ผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ และส่งให้ประธานาธิบดีลงนามเป็นกฎหมายก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้สหรัฐฯ ออกมาตรการที่มีผลเป็นจริงในระยะเวลาใกล้ ๆ นี้ "
นักวิเคราะห์เห็นว่า การเกาะติดปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนไม่ปล่อย เพื่อส่งเสริมการมีงานทำของสหรัฐฯ และลดการขาดดุลทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ นั้น เป็นการกระทำที่ผิดทางตรงกันข้าม วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา สำนักงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ ประกาศรายงานว่า ถ้าหาก "ร่างกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อส่งเสริมการค้าที่เสมอภาค" กลายเป็นกฎหมายและได้รับการปฏิบะัติตาม สหรัฐฯ คงจะเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้ันแต่ไม่เกิน 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับยอดมูลค่าสินค้านำเข้าจากจีน ที่มีประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อวัน นอกจากนั้น สหรัฐฯ ยังต้องหาสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศมาเปรียบเทียบกับสินค้าประเภทเดียวที่นำเข้าจากจีน เพื่อยืนยันว่า จีนได้ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนให้อ่อนค่ามากเกินไป และต้นทุนการผลิตต่ำลงด้วย ทำให้สินค้าสหรัฐฯ เสียเปรียบด้านการแข่งขันในตลาด ที่ีจริงแล้ว สินค้าที่นำเข้าจากจีนส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่สหรัฐฯ ไม่ผลิตเองแล้ว จึงไม่มีการแข่งขันระหว่างสินค้าของสองประเทศ และไม่ได้ทำลายผลประโยชน์ของธุรกิจสหรัฐฯ
นางซูซัน ชวาบเห็นว่า "เราเห็นได้ชัดว่า การที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ นอกจากเบี่ยงเบนความสนใจของชาวสหรัฐฯ ไปยังปัญหาจีน และเพิ่มความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แล้ว ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้ด้วย"
(In/Lin)