งานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 7 รวมทั้งการประชุมสุดยอดทางธุรกิจ และการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนกำลังจัดขึ้นที่เมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกวางสีของจีน ในฐานะเป็นงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียนครั้งแรกหลังจากเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว งานฯ ครั้งนี้ จึงได้รับการตอบสนองอย่างคึกคักจากภาคธุรกิจทั้งจีนและต่างประเทศ ผู้นำและแขกผู้มีเกียรติจากจีนและประเทศต่าง ๆในอาเซียนต่างแสดงความคิดเห็นว่า จีนกับประเทศในอาเซียนควรแสวงหาจุดร่วมและสงวนจุดต่าง ดำเนินความร่วมมือเพื่อให้ได้รับชัยชนะร่วมกันทั้งสองฝ่าย "ผลประโยชน์ร่วม" ควรเป็นพื้นฐานที่เสริมสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับอาเซียน
วันที่ 19 ตุลาคมนี้ นายเกา หู่เฉิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการเจรจาการค้าระหว่างประเทศของจีนกล่าวในพิธีเปิดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 7 ว่า "ในกระบวนการสร้างเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน จีนกับอาเซียนได้ร่วมจัดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียนถึง 6 ครั้ง ด้วยเวทีดังกล่าว ทำให้การค้าการลงทุนระหว่างภาคธุรกิจและประชาชนของทั้งสองฝ่ายมีความสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งได้เกิดประสิทธิผลที่เอื้อประโยชน์ให้ทั้งสองฝ่ายและได้รับชัยชนะร่วมกัน"
ไชน่า หวาเตี้ยน เป็นกลุ่มบริษัทผลิตไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงของจีน และมีโครงการเกี่ยวกับสถานีกำเนิดไฟฟ้าหลายโครงการในอินโดนีเซีย เช่น สถานีกำเนิดไฟฟ้าพลังน้ำแอสซัด ข่าน (Assad Khan) และสถานีกำเนิดไฟฟ้าพลังถ่านหินบาตัม(Batam) เมื่อกล่าวถึงความสำเร็จในการลงทุนที่อินโดนีเซีย นายเติ้ง เจี้ยนหลิง รองผู้จัดการใหญ่ของกลุ่มบริษัทฯ กล่าวว่า การที่บริษัทฯประสบความสำเร็จก็เพราะมีหุ้นส่วนที่ดี ในระหว่างดำเนินโครงการ ทางอินโดนีเซียได้พยายามเสนอข้อมูลข่าวสารในหลายๆ ด้านให้ฝ่ายจีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากในการวางนโยบายและดำเนินโครงการของบริษัทฯ
นายโจว จือจู้ รองประธานบริษัทวิศวกรรมสถานีกำเนิดไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทอิเล็กทรอนิกเซี่ยงไฮ้จำกัดกล่าวว่า ขณะนี้ ทางบริษัทฯ ได้ดำเนิน 5 โครงการที่อินโดนีเซีย และล้วนดำเนินการด้วยดี เนื่องจากหน่วยงานบริหารและธุรกิจในท้องถิ่นให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี
ดร.จาง ยุ่นหลิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยกิจการต่างประเทศของสภาสังคมศาสตร์จีนกล่าวว่า การติดต่อระหว่างจีนกับอาเซียนไม่เฉพาะในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น หากต้องพัฒนาความสัมพันธ์อย่างทั่วด้าน การพัฒนาความเชื่อถือซึ่งกันและกันแบบทวิภาคีอย่างเต็มที่เป็นนัยว่า จีนเชื่อว่าการพัฒนาอาเซียนให้มีความเข้มแข็งมีผลประโยชน์ต่อจีน ขณะเดียวกัน อาเซียนก็เชื่อว่า จีนที่มีความเข้มแข็งเกรียงไกรก็มีผลประโยชน์ต่ออาเซียนเช่นกัน
นายโด เทียน แซม (Do Tien Sam) ผู้อำนวยการสถาบันจีนศึกษาของสภาสังคมศาสตร์เวียดนามกล่าวว่า สองฝ่ายควรเิพิ่มการแลกเปลี่ยนกัน กระชับมิตรสัมพันธ์และความร่วมมือ สร้างโอกาสให้การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างมั่นคงและยื่นยาว
นายโนโรดม เสรีวุธ(Norodom Serivuth) ผู้อำนวยการสถาบันความร่วมมือและสันติภาพของกัมพูชากล่าวว่า ประเทศในอาเซียนควรมองจีนจากหลายแง่มุม อาเซียนไม่ควรได้รับอิทธิพลจากการที่สื่อมวลชนบางสำนักและวงการวิชาการบางส่วนที่สร้าง"ทฤษฎีภัยคุกคามจากจีน" อาเซียนควรเรียนรู้จีนอย่างถูกต้อง ส่วนมุมมองต่อจีนก็ต้องประกอบด้วย โอกาสและความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนด้วย จีนเป็นเครื่องจักรที่ทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเติบโต ความสัมพันธ์อาเซียน-จีนเป็นความสัมพันธ์แบบทวิภาคีที่สำคัญที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา
TON/DAI