ผู้สื่อข่าว ไทยได้เหรียญทองยากมั้ยครับ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา : ผมได้บอกผู้สื่อข่าวหลายครั้งเเล้วว่า เเค่ 13 เหรียญทอง ผมก็ยังหนักใจ ขอให้ถึงจำนวนนี้เถอะ อย่าว่า 16 หรือ 20 เหรียญ เพราะว่า ทางจีนเเละทางเมืองกวางโจว เขาจะหวังเหรียญทองมากที่สุด เเละเขาก็อยากจะทำทุกอย่างให้ดีเพื่อเอาชนะเมืองโอลิมปิกปักกิ่งให้ได้ในการจัดเอเชียนเกมส์ เขาจะทำทุกอย่างให้ดีกว่า ให้สวยกว่า
ผู้สื่อข่าวไทย:ใน 4 วันที่ผ่านไป เรายังได้เหรียญทองเลย บางประเภทเราก็หลุดไปใช่มั้ย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา : ครับ หลายประเภทที่มีความหวังก็หลุดไปครับ อย่างเช่นแบตมินตันชายเเละแบดมินตันหญิง ทั้งๆ ที่ เราก็หวังเหมือนกัน เเต่มันก็หลุดไปครับ เเละก็หลายกีฬาด้วย เราก็หวังว่าบางกีฬาก็อาจจะเข้ามาเเละทำเหรียญทองได้ เเต่ยังไงก็ตาม ผมเชื่อว่า จะต้องมีเหรียญทองติดอันดับเเน่นอน เมื่อวานก็ไปให้กำลังใจของนักกีฬาตะกร้อถึงที่พักของพวกเขา เเละเมื่อวานผมก็คุยกับนักตะกร้อเเล้วว่า ต้องเอากลับทุกเหรียญทอง เพื่อให้ประชาชนไทยมีความสุข ทีมตะกร้อก็เตรียมพร้อมครับ เเละยืนยันว่าจะทำให้ได้ 4 เหรียญทอง ผมบอกว่า การมาคุยไม่ใช่ว่าอยากให้พวกเขาเกิดความเครียด เเต่ให้พวกเขามีความตั้งใจ เเละก็ให้มีความตังใจมากๆ ด้วย อย่าใช้เวลาไปในเรื่องที่ทำให้เกิดเสียขวัญเสียกำลังใจ เพราะว่า ต้องกลับไปปรับปรุงหลายเรื่องเลย โดยเฉพาะทางสมาคมด้วย
ผู้สื่อข่าวไทย: เเละท่านหวังว่า เหรียญทองเหรียญเเรกจะได้จากกีฬาไหนครับ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา : ครั้งนี้ รายการที่หลักก็มีอยู่ 2 กีฬา ก็คือตะกร้อกับมวยครับ ซึ่งวันนี้ผมก็ต้องไปดูมวย เมื่อวานนี้ ผมก็ได้คุยกับประธานสหพันธ์มวยสากล คือทุกอย่างก็โอเคหมด ไม่มีปัญหา เมื่อวานคุยกันเรียบร้อยหมดเลยครับ จับไม้จับมือกันหมดเเล้ว ก็หวังว่า มวยเราก็คงหวังว่ามวยเราจะได้รับยุติธรรมในการเเข่งขันด้วย
ผู้สื่อข่าวไทย: ท่านกังวลเรื่องการตัดสินในงานครั้งนี้ไหมคะ เพราะว่าในงานครั้งนี้
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา : ก็ต้องดูใจกันครับ เราคุยกันเเล้วครับ ผมคุยสองครั้ง จนกระทั่งท่านเลขาผม เรียนผมว่าอย่าไปคุยมากเกินไป เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไปเอาใจเขา ผมก็บอกว่าไม่ใช่ เราเป็นผู้ใหญ่กว่า เราต้องคุยกับเด็กก่อน เขาอวุโสน้อยกว่าผม ต้องทักทายปราศรัยเเล้วก็คุยกัน เเต่ว่าเรื่องของสมาคม เรื่องของกีฬา เป็นเรื่องของคณะกรรมการโอลิมปิก คุณต้องเเยกออก เพราะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเเละเรื่องของบุคคล เเต่เรื่องของส่วนรวมไม่ใช่จะเอามาปะปนกัน เขาบอกว่าเขาก็เข้าใจ เรื่องของบุคคลเขาก็บอกว่าจะจัดการต่อไป เเต่เรื่องของส่วนรวมเขาก็โอเค ผมก็บอกว่าผมจะไปทุกครั้งที่มีการเเข่งขันมวย เเละจะไปดูยุติธรรมด้วย ก็คุยกับเขาเเล้วในเมื่อวานที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวไทย: ได้ฝากกำลังใจให้นักชกเราเป็นยังไงครับ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา :ผมว่ากำลังใจของนักชกเราดี ดีมากเลย ก็อยู่ที่ผู้จัดการครับ อยากให้ความใกล้ชิด สนิทสนมกับนักมวยเเค่ไหน ดูเเลเเค่ไหนผมก็อยากเจอสักหน่อย ป่ายวันนี้ เเต่ผมดูเเล้วว่า ตะกร้อ ทางท่านเจริญไปเยี่ยมไปดูเเล ให้กำลังใจมากเลย คนที่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมต้องให้ความใกล้ชิดเเละสนิทสนมกับนักกีฬา ไม่ใช่ปล่อยให้นักกีฬานั่งโทรศัพท์ทั้งวันครับ
ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ:ผมเป็นนักข่าวจีน บินมาจากปักกิ่งเพื่อรายงานเอเชียนเกมส์โดยเฉพาะ ผมมาจากสถานีวิทยุซีอาร์ไอ ขอให้ท่านประเมินผลงานของทีมแบดมินตันหญิงครับ เพราะว่าเมื่อวานผมไปการประชุมเเถลงข่าว คุณหลี่ หย่งโป โค้ชใหญ่ของจีนชื่นชมผมงานของไทยดีเป็นพิเศษ เขาบอกว่า ผงงานของไทยจะส่งอิทธิพลถึงสถานการณ์แบดมินตันทั่วโลก เพราะว่าไทยสุดยอดจริงๆ ชายพิชิดมาเลเซีย ทีมหญิงไทยได้เหรียญเงิน ท่านมองผลงานของไทยอย่างไรครับ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา :ผมมองว่านักีฬาแบดมินตันหญิงไทย มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น เเต่ถึงว่าจะพัฒนาขนาดนี้นะครับ ในเรื่องของการเเข่งขัน ในเรื่องของส่วนตัว ความสามารถส่วนบุคคลยังสู้จีนไม่ได้ เด็กทุกคนอายุยังน้อยอยู่ ยังต้องการประสบการณ์กับการเตรียมการมากขึ้นกว่านี้ เเละผมคิดว่านักกีฬาแบดมินตันหญิงกับนักกีฬาแบดมินตันชาย ต่อไปรัฐบาลจะให้งบประมาณที่จะให้นักกีฬา ต้องให้ตัวนักกีฬามากกว่าที่จะมอบให้สถานที่จัดการเเข่งขัน ไม่ใช่จัดงบประมาณขึ้นมาเเล้วไปใช้สร้างสถานที่ต่างๆ งบประมาณก็หมดไป เเต่การใช้งบประมาณกับตัวนักกีฬาน้อย ต่อไปนี้ทุกคนจะต้องพูดกันใหม่ ไม่ใช่พอมีงบประมาณเเล้ว ก็ไปสร้างที่นี่ สร้างที่โน้น เเต่ไม่มีงบประมาณให้กับนักกีฬาเลย ผมเห็นว่านักกีฬามีความสำคัญมากที่จะต้องการพัฒนาเเละต้องมีงบประมาณ
ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ: ผมได้สัมภาษณ์น้องเมย์ตอนอยู่ข้างๆ สนามกีฬา คู่เเข่งของน้องเมย์คือวัง ซิน ซึ่งเป็นมือหนึ่งในการเเข่งขันแบดมินตันของโลก เเละวัง ซินก็ชื่นชมน้องเมย์ว่า ตอนนี้เธอมีอายุเพียง 15 ปี อีกไม่นานก็จะพัฒนาไปถึงระดับท้อปของโลก อยู่อันดับต้นๆ ของโลก มีอนาคตสดใสเเน่นอน ผมก็ถามถึงน้องเมย์ฝึกที่ไหน น้องเมย์บอกว่าฝึกที่สโมสร ซึ่งนักกีฬาชั้นยอดของจีน ทั่วประเทศจะอำนวยทรัพยากรณ์หรือช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เเต่ที่เมืองไทยต้องไปฝึกที่สโมสร จะเป็นเอกชนมากกว่า ท่านหวังว่าวันหลัง ดาวรุ่งในอนาคต เราจะช่วยพัฒนาอย่างไรครับ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา : น้องเมย์ยังเป็นเด็กอยู่ จะมีอนาคตต่อไป ถ้าหากว่าเราไม่พัฒนาในส่วนของตัวบุคคล เราก็จะเสียหายในเรื่องของตัวที่จะทำเสียหายกับประเทศชาติ เพราะฉะนั้น สิ่งหนึ่งที่น้องเมย์ที่จะต้องได้รับการพัฒนาก็คือ ตัวโค้ชประจำตัวน้องเมย์ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องได้รับการดูงานเเละการฝึกโค้ช ที่เมืองจีนก็เคยเเนะนำกลับเข้าไปฝึก
ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ: เมืองจีนก็มีการเเข่งขันที่เป็นลีกย์ ถ้าทางจีนจะขอมา ขอนักกีฬาแบดมินตันเก่งๆ มาร่วมการเเข่งขัน ฝ่ายไทยจะสนับสนุนไหมครับ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา : พร้อมที่จะสนับสนุนครับ ขนาดนี้ ผมเห็นว่า ทีมแบดมินตันนี้ได้มีผู้จัดการทีมคนใหม่เข้ามา เเต่ผู้จัดการทีมคนใหม่คุณหญิงปัทมา ต่อไปถ้าคุณหญิงฯ ได้มีความใกล้ชิดกับนักกีฬามากยิ่งขึ้น เข้าใจถึงการเตรียมการมากยิ่งขึ้น ดูยุทธศาสตร์การเตรียมการมากยิ่งขึ้น เเละเอาใจใส่นักกีฬามากยิ่งขึ้น ผมว่า แบดมินตันของไทยจะมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ: เรื่องนี้ผมพอยืนยันได้ว่า เมื่อวานผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ทีมไทยชวนผมไปงานเลี้ยงด้วยเพื่อฉลองผลงานการเเข่งขันของไทย เเละคุณหญิงปัทมาก็เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงทีมชาติไทย ผมเห็นว่าหนุ่มๆ สายๆ สนิทสนมกับคุณหญิงมาก ทำให้ผมทราบซึ้งใจมาก เพราะว่าเอาใจใส่นักกีฬาอย่างดี
คำถามข้อสุดท้ายก็คือโค้ชจีนไปช่วยพัฒนาหรือรับเชิญไปสอนที่เมืองไทย ท่านมองผลงานของโค้ชจีนยังไงครับ
พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา:เรื่องโค้ชจีนต่อไปต้องคุยกับคุณหญิงปัทมา เเล้ว เพราะว่าต้องหาโค้ชจีนมาช่วย ในขนาดเดียวกัน โค้ชไทยที่ถูกใจน้องเมย์อยู่ครับ จะต้องได้รับการพัฒนา เเละต้องให้โค้ชฝึกที่เมืองจีนด้วย มันต้องทำสองทาง เเต่ไม่ใช่ทางเดียว
ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ: ถ้าเป็นกีฬาทุกประเภท ปัจจุบันมีโค้ชจีนอยู่ที่เมืองไทยหรือยัง อย่างเช่นยกน้ำหนัก
พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา: ยกน้ำหนักก็มีเเล้ว เเต่จะถูกใจของนายกสมาคมยกน้ำหนักเปล่าผมไม่ทราบ ถ้าไม่ถูกใจก็เปลี่ยนใหม่