นายซู เหว่ย รองหัวหน้าคณะผู้แทน ที่เป็นหัวหน้าผู้แทนการเจรจาของจีนกล่าวว่า
"การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นการท้าทายที่จวนตัวสำหรับมนุษย์ ประชาคมโลกต้องใช้ความพยายามร่วมกันรับมือกับปัญหานี้ จีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีความรับผิดชอบอย่างมาก ให้ความสำคัญต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาโดยตลอด และถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญประการหนึ่งในระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม"
นายซู เหว่ย กล่าวว่า ตั้งแต่แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 11 เป็นต้นมา จีนได้ยืนหยัดตามหลักการประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พยายามพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตให้ใช้พลังงานที่ก่อคาร์บอนต่ำ ขยายพื้นที่ป่าไม้เพื่อดูดสารคาร์บอนไดออกไซด์ในป่า เริ่มนำร่องการผลิตและการใช้ชีวิตแบบคาร์บอนต่ำในบางมณฑลและเมือง พยายามสร้างระบบอุตสาหกรรมการผลิตและระบบการบริโภคที่ก่อคาร์บอนต่ำ ได้ประสบผลคืบหน้าสำคัญ โดยจนถึงสิ้นปีนี้ การสิ้นเปลืองพลังงานต่อหน่วยจีดีพีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคาดว่าจะลดลงประมาณ 20% ก่อนเปิดการประชุมโคเปนเฮเกนเมื่อปีที่แล้ว จีนได้เสนอเป้าหมายว่า จนถึงปี 2020 จะลดปริมาณการปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยจีดีพีให้น้อยลง 40% - 45% เมื่อเทียบกับปี 2005 และในแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปีฉบับที่ 12 จะส่งเสริมงานด้านการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นาย ซูเหว่ยกล่าวว่า
"แม้ว่าจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ต้องพัฒนาหลายด้าน รวมถึงการปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ต้องเผชิญกับภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งในด้านการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่รัฐบาลจีนมุ่งใช้ความพยายามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างเต็มที่"
นางเรนาตา ลอก เดสซัลเลียน เจ้าหน้าที่ประสานงานสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำจีนกล่าวว่า จีนได้ใช้ความพายามอย่างมากในการรับมือกับการเปลียนแปลงสภาพภูมอากาศ และเห็นว่าบางวิธีการของจีนน่าสนใจ
"ก่อนอื่น จีนได้จัดให้การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นงานสำคัญในเป้าหมายการพัฒนาของตน พยายามแสวงหารูปแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนก่อให้เกิดคาร์บอนต่ำ นอกจากนั้น จีนได้ทำโครงการขนาดใหญ่ด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจะมีบทบาทโดยตรงต่อการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ สุดท้าย จีนมีการลงทุนมหาศาลในด้านการผลิตพลังงานหมุนเวียน ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติได้ร่วมมือกับจีนในด้านนี้อย่างใกล้ชิด"
(In/Lin)