มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่งพยายามเพิ่มคุณภาพในการเรียนการสอนเพื่อที่จะผลิตบุคคากรระดับคุณภาพ
  2011-03-11 18:43:11  cri

บทสัมภาษณ์ อ.เฉิน ลี่ หัวหน้าภาคภาษาไทย มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง และ อ.เกื้อพันธุ์ นาคบุปผา อาจารย์รับเชิญภาคภาษาไทย มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง

คุณชุย: ผมอยากจะขอให้อาจารย์เกื้อพันธุ์เล่าถึง 20 ปีที่อาจารย์สอนหนังสือในจีน ในมุมมองของอาจารย์ สถาบันอุดมศึกษาของจีน มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาอย่างไรบ้าง แล้วก็นักศักษาของแต่ละรุ่นและแนวคิดของพวกเขามีความแตกต่างกันยังไงครับ

อาจารย์เกื้อพันธุ์:ก่อนอื่น อยากบอกว่า ประเทศจีนพัฒนาเร็วมาก เมื่อกี้ที่ใช้ว่า ดิฉันมาสอน 20 ปี ความจริงนั้น เมื่อก่อนนี้มาเทอมเดียว ปี 2535 มาเทอมหนึ่ง ปี 2542 มาเทอมหนึ่ง อะไรทำนองนี้มากกว่า แต่อยากจะให้เรียนทราบว่า จีนนั้นพัฒนาเร็วมาก ปีแรกที่มานี่ นักศึกษามี 9 คน ทุกคนเป็นนักศึกษาที่ได้ทุนมาเรียน เพราะฉันนั้น เขาจะเรียนให้เต็มที่ เขาไม่ห่วงเรื่องงาน แล้วคุณจะเห็นว่า พอถึงรุ่นคุณนี่ มันตรงกันข้ามแล้ว เพราะฉันนั้น นี่คือความเปลี่ยนแปลง ในสมัยแรกที่มา นักศึกษาไม่สามารถทำงานเป็นทีมได้ เพราะไม่ใช่วัฒนธรรมการศึกษาในจีน แต่เดี๋ยวนี้ ถึงแม้แต่รุ่นคุณก็เห็นว่า เรารู้จักช่วยเหลือในการทำงาน นี่คือความเปลี่ยนเปลง ไม่นับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ถ้ามองมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่งก็เป็นมหาวิทยาลัยที่เปลี่ยนแปลงมาก มีตึกใหม่ ๆ มีเครื่องมือสื่อสารใหม่ ๆ และเดี๋ยวนี้อาจจะเรียนให้ทราบว่า เขาจะรับอาจารย์ต้องปริญญาเอก นี่คือความเปลี่ยนแปลง ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น ส่วนตัวนักศึกษาเองนั้น เมื่อก่อนนี้ มหาวิทยาลัยนี้ผลิตล่าม เพราะเน้นภาษาดีใช้ได้ เดี๋ยวนี้ อาจารย์รู้ว่า เราพูดกันทั่วไปว่า ต้องรู้ภาษาต่างประเทศอย่างน้อยสองภาษา จึงจะไปทำงานอะไรได้ นักศึกษาเองแม้จะเรียนภาษาไทย บางทีอาจจะต้องเตรียมตัวได้ว่า อาจจะไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่ภาษาไทย เพราะฉันนั้น นี่คือการที่ต้องปรับตัว แล้วก็เป็นไปตามยุคโลกาภิวัตน์ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงเท่าที่มองเห็นก็คือนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของจีนนั้นขยันมาก ตั้งใจมากแล้วก็คัดระดับหัวกะทิมาทั้งนั้น นี่คือสิ่งที่มองเห็นค่ะ

คุณนรินรัตน์: ขอบคุณค่ะ อาจารย์เกื้อพันธุ์คะ อยากจะเรียนถามอาจารย์เฉินลี่นะครับว่า ในการสร้างความเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกนะคะ อาจารย์มีความเห็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งนะคะ การพัฒนาให้มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่งก้าวขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งของโลกและของจีนด้วย อาจารย์มีแผนอย่างไรบ้าง

อาจารย์เฉินลี่:ก่อนสร้างความเป็นมหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งของโลกนะคะ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ค่ะ เพราะว่า ในประเทศจีน ปัจจุบันนี้ ก็ไม่มีมหาวิทยาลัยใดที่สามารถพูดได้ว่า เป็นมหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งของโลกค่ะ แล้วในแผนการปฏิรูปและพัฒนาการศึกษาระยะกลางและระยะยาวของจีนนั้น ก็บอกไว้ว่า พยายามที่จะถึงในปี 2020 พยายามให้พัฒนามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อย่างเช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ชิงหวาให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งของโลก ดังนั้น งั้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ค่ะ ต้องใช้ความพยายามอีกนาน แล้วสำหรับภาควิชาภาษาไทยของมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง เราก็มีแผนพัฒนาระยะ 5 ปีของเราด้วย งั้นนี้ก็จะมีเนื้อหารวมไปถึง อย่างเช่นจะปรับปรุงแก้ไขหนังสือแบบเรียนภาษาไทยของแต่ละวิชาทุก 5 ปี แล้วก็จะวางแผนวิชาที่เปิดสอนในอีก 5 ปีข้างหน้า แล้วก็จะวางแผนจำนวนนักศึกษาที่จะรับในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก เพราะภาควิชาภาษาไทยก็เปิดสอน 3 ระดับค่ะ ระดับปริญญาตรี เราจะรับนักศึกษาทุก 2 ปี ตอนนี้กำหนดว่า ห้องรับไม่เกิน 16 คน ก็เพื่อเน้นคุณภาพการเรียนการสอน ของระดับปริญญาโทนั้น ก็เปิดสอน 2 สาขาค่ะ สาขาการแปลกับสาขาวัฒนธรรมไทยด้วย โดยเฉพาะสาขาการแปลนั้น นอกจากรับนักศึกษาจีนแล้ว ยังรับนักศึกษาคนไทยด้วย แล้วเราก็มีแผนที่จะดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกันกับราชภัฎเชียงใหม่ อันนี้ก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 20 กว่าปีแล้วค่ะ ข้อนี้ก็สำคัญมากสำหรับการเรียนการสอนของภาควิชาภาษาไทย อย่างอาจารย์เกื้อพันธุ์นะคะ มาสอนที่นี่เกือบ 20 ปีแล้วค่ะ นอกจากสอนนักศึกษาแล้ว ยังช่วยอบรมอาจารย์ที่เพิ่มทำงานใหม่ ๆ และช่วยดูแลงานต่าง ๆ ของภาควิชาด้วยค่ะ

คุณนรินรัตน์:ก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะว่า ในความร่วมมือแน่นอน ต้องการที่จะให้คุณภาพในด้านต่าง ๆ ของการศึกษามีการพัฒนาก้าวหน้าไป จะเรียนถามอาจารย์เกื้อพันธุ์นะครับ เนื่องจากว่า อาจารย์สอนภาษาไทยทั้งที่ประเทศไทยที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ แล้วก็สอนภาษาไทยที่มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง ในมุมมองของอาจารย์ สถาบันอุดมศึกษาระหว่างจีนกับไทยมีข้อแตกต่างในด้านไหนบ้าง

อาจารย์เกื้อพันธุ์:ขอพูดถึงไทยก่อนนะครับ เมื่อประมาณ 30 ปีมาแล้วนี่ ไทยนั้นเร่งรัดขยายการอุดมศึกษา ต้อนนั้น คุณนรินรัตน์จะเห็นว่า เราเปิดค่อนข้างมาก แล้วเรามองเรื่องความเสมอภาคทางการศึกษานี่ คือนักศึกษา นักเรียนในชนบทก็ควรจะได้เรียนหรือทำนองนั้น เพราะฉันนั้น ถ้าดูกำเนิดของคำว่า มหาวิทยาลัยราชภัฎ ก็จะเห็นว่า พระเจ้าอยู่หัวอยากจะให้เป็นมหาวิทยาลัยที่จะช่วยเด็กในท้องถิ่นให้ได้เรียน เมื่อพูดอย่างนี้ เมื่อบอกว่า ทุกคนถ้าเป็นไปได้ มีสิทธิ์ได้เรียน แน่นอนว่า เราไม่ได้คัดตัวเลือกมากนัก ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น บางทีก็เป็นอย่างนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ในรอบประมาณ 10 ปีหรือ 15 ปีมานี้ คุณนรินรัตน์จะเห็นว่า มหาวิทยาลัยในไทยก็มีทั้ง เมื่อก่อนเรามีของรัฐบาล ของเอกชน เดี๋ยวนี้ก็จะเป็นว่า ในกำกับของรัฐ ซึ่งต้องพยายามเลี้ยงตัวให้ได้ หรืออะไรอย่างนั้น ฉะนั้น สถาบันอุดมศึกษาในไทย จึงมีหลากหลายรูปแบบ ทั้ง ๆ ที่เป็นประเทศเล็ก แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องอย่างนี้ในจีนนั้น ดิฉันไม่รู้เรื่องของจีนมากนัก แต่เท่าที่เห็นนั้น มหาวิทยาลัยในจีนยังเหมือนเดิมคือ คัดหัวกะทิมาเรียน ปริญญาตรีนี่ที่ดูทั้งประเทศ เปิดภาษาไทยอยู่ 8 แห่ง นับมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง รับนักศึกษา 16 คน ตัวเลือกเท่าไร เป็นระดับหัวกะทิทั้งนั้นที่มา ถ้าจะมองเทียบในแย่อย่างนี้ ถ้าเราดูว่า ไทยอยากจะให้มีการพัฒนาอุดมศึกษาในชนบท เพราะฉะนั้น ตัวเด็กต่างกัน ไม่ใช่ว่าเราไม่มีอย่างนี้ คุณนรินรัตน์จะเห็นว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเก่าแก่ที่สุด ฉลอง 90 ปีผ่านมาแล้ว ก็บอกว่า จะไม่พัฒนาออกทางกว้าง แต่จะพัฒนาออกทางลึก นั่นแปลว่า ไม่ต้องการขยายใหญ่กว่านี้ แต่ในขณะเดียวกัน หลายมหาวิทยาลัยหลายก็ออกทางกว้าง ออกไปมีศูนย์ในที่ต่าง ๆ เพราะฉันนั้น ถ้าให้มองตรงนี้ จริง ๆ แล้ว การเลือกนักศึกษาเข้ามาต่างกัน นี่พูดถึงไทยกับไทย ถามต่อไปว่า เมื่อไทยเปิดสอนเยอะ ๆ นักศึกษาเป็นยังไง คุณชุย อีเหมิงจะรู้ว่า ถ้าคะแนนไม่ถึง คุณไม่ได้ทำปริญญานิพนธ์ คุณไม่มีสิทธิ์จบปริญญาตรี จบเรียน 4 ปีแล้วออกไปเท่านั้น จะบอกว่า ขอยกเลิกไว้สักปีได้ไหม ปีนี้ติดไม่ได้ เพราะฉันนั้นในจีน มีจบหรือไม่จบ มีสอง choice เท่านั้น ในขณะที่ในไทยมากมายมีกำหนดว่า หลักสูตร 4 ปีใช่ไหม ถ้าเรียนไม่ได้ คุณเรียนได้ถึง 8 ปีตามขอบเขต เช่น คะแนนยังถึง 1.8 อยู่ เรายังหน่วยกิตแล้ว มีสิทธิ์เรียนต่อไป ถ้าคะแนนไม่ถึงก็ออก เรียนไป ๆ จนครบหลักสูตร คะแนนถึง 2 คุณจบ อาจจะ 8 ปีก็ได้ นี่คือความแตกต่างเท่าที่มอง แม้แต่จุฒาเองก็ทำอย่างนี้ ตรงนี้คือความแตกต่าง เพราะฉันนั้น สถาบันอุดมศึกษาในไทยอาจจะเอื้อบางเรื่อง เพราะว่า เด็กต้องจำเป็น นั่งหลับตั้งแต่เช้า หลังหน้าแล้วก็หลับอยู่ ถามกันนี่ เขาต้องทำตัวเลี้ยงตัวเขา รวมทั้งส่งบ้านด้วย เพราะฉะนั้น เด็กพวกนี้จะจบได้ถึง 6 ปีหรือ 7 ปี มันก็ดีที่สุดแล้ว แต่อย่างนี้เชื่อว่า ไม่มีเลยในจีน เท่าที่พอมองเห็นคร่าว ๆ คืออย่างนี้

คุณนรินรัตน์:อยากจะเรียนถามอาจารย์เฉินลี่นะคะว่า ภาคภาษาไทยของมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่งมีวิธีการอย่างไรที่จะเพิ่มคุณภาพในการเรียนการสอนเพื่อที่จะผลิตบุคคากรระดับคุณภาพ

อาจารย์เฉินลี่:สำหรับภาควิชาภาษาไทย ข้อหนึ่ง เราก็จะปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนทุก 3 ถึง 4 ปีค่ะ หลักสูตรการเรียนการสอนที่ใช้ในปัจจุบันตั้งขึ้นในปีค.ศ. 2007 ค่ะ ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ก็กำลังรวมข้อเสนอแนะจากอาจารย์และนักศึกษา กำลังปรับปรุงอยู่ อย่างเช่นวิชาใดที่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร ก็อาจจะลดชั่วโมงเรียนในรุ่นหน้า วิชาใดที่ได้รับความนิยมจากนักศึกษา ก็อาจจะเพิ่มชี่วโมงเรียน ข้อสองก็คือ ตอนนี้จะพัฒนานักศึกษาให้เป็นบุคลากรแบบมีความรู้รอบด้าน ก็คือจะสนับสนุนพวกเขาไปเรียนเพิ่มเติมวิชาอื่น ๆ ไม่เพียงแต่ภาษาต่างประเทศเท่านั้น จะให้พวกเขาไปเลือกวิชาที่ตนเองชอบ สนใจ หรือว่าที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่วิชาเอกของตัวเองไปเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ชิงหวา เหรินต้าก็ได้ค่ะ ข้อสามก็คือเราก็จะพยายามดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่อยู่ค่ะ นอกจากมีการแลกเปลี่ยนทางด้านอาจารย์แล้ว ก็ยังมีโครงการแลกเปลี่ยนทางด้านนักศึกษาด้วยค่ะ ตรงนี้ เราก็อยากจะให้นักศึกษาวิชาเอกภาษาไทยของมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่งเรียนในรูปแบบ "3+1" ก็คือ 3 ปีเรียนที่มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง แล้วก็อีกหนึ่งปี ไปเรียนที่ราชภัฎเชียงใหม่ ตอนนี้กำลังปรึกษากับราชภัฎเชียงใหม่อยู่ จะโอนหน่วยกิตอย่างไร จะเปิดสอนวิชาอะไรค่ะ

(Cui)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040