วันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1911 เกิดเหตุการณ์ลุกขึ้นสู้ที่เขตหวงฮัวก่าง เมืองกว่างโจว ผู้นำการลุกฮือสู้ครั้งนี้คือ หวง ซิง เขายังพาบุตรชายคนโตเข้าร่วมการลุกฮือสู้ครั้งนี้ด้วย
วันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 2011 นายหวง เหว่ยหมิน หลานชายคนโตของหวง ซิงกล่าวในสัมนารำลึก 100 ปีการลุกขึ้นสู้หวงฮัวก่าง ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองกว่างโจวว่า การที่คุณปู่เปลี่ยนตัวเองจากปัญญาชนมาเป็นทหาร ไม่ใช่เพื่อสร้างชื่อเสียงหรือหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง แต่หากเพื่อประเทศชาติและประชาชน เขากล่าวว่า "คุณปู่เกิดในครอบครัวร่ำรวย หากไม่เข้าร่วมการปฏิวัติ ก็สามารถมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย"นายหวง เหว่ยหมินเล่าว่า ตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อก็เล่าให้ฟังว่า คุณปู่ได้ตั้งคติเตือนใจสำหรับครอบครัวไว้ คือ "ซื่อสัตย์"และ "ไม่เห็นแก่ตัว" และคุณปู่เป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามคตินี้"
นายหวง เหว่ยหมินเล่าให้ฟังว่า ช่วงเริ่มต้นการปฏิวัติ ขาดเงินใช้จ่ายอย่างมาก หวง ซิงขายบ้านขายที่ดินของตระกูลเพื่อนำเงินไปสนับสนุนคณะปฏิวัติ ครอบครัวจึงต้องย้ายไปอยู่บ้านในเมือง แต่ตอนหลังบ้านหลังนี้ก็ถูกหวง ซิงขายไปเพื่อบริจาคเงินให้คณะปฏิวัติอีก ในเหตุการณ์ลุกฮือขึ้นสู้ที่หวงฮัวก่าง หวง ซิงนำหน่วยกล้าตายบุกเข้าอาคารสำนักงานข้าหลวงใหญ่ แม้นิ้วมือถูกเศษลูกปืนตัดขาดไปสองนิ้ว ก็ยังสู้รบจนถึงที่สุด เขายอมสละทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งชื่อเสียง ฐานะและทรัพย์สินเงินทอง เพื่อการปฏิวัติ