วันที่ 23 ธันวาคมนี้ นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีจีนขณะอยู่ระหว่างการเยือนไทยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำที่จัดขึ้นโดยวงการชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนโพ้นทะเลในไทย โดยมีผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้กว่า 800 คน

นายสี จิ้นผิงได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานครั้งนี้ว่า เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศไทยได้ประสบภัยน้ำท่วมที่ร้ายแรง ประชาชนจีนมีความเป็นห่วงเสมือนตัวเองกำลังประสบภัยพิบัติ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนไทยอย่างทันท่วงที ความกล้าหาญ ความมั่นใจและพลังที่ได้แสดงออกของประชาชนไทยในการต่อสู้กับภัยพิบัติครั้งนี้ ทำให้ประชาชนจีนประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

นายสี จิ้นผิงกล่าวว่า ประเทศจีนกับประเทศไทยเป็นเพื่อนบ้านและหุ้นส่วนที่ดี เสมือนญาติพี่น้องกัน ในช่วงเวลา 36 ปีนับตั้งแต่สองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของสองประเทศได้ผ่านความยากลำบากและการทดสอบชนิดต่างๆ กลายเป็นแบบฉบับของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีระบอบสังคมต่างกัน การขยายความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่กันระหว่างสองประเทศ สอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานของประชาชนทั้งสองประเทศ และมีส่วนช่วยต่อการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคนี้

นายสี จิ้นผิงกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งกำเนิดของอาเซียน และเป็นประเทศสมาชิกที่สำคัญของอาเซียน ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ไทยได้สร้างคุณูปการที่ดีแก่การพัฒนาของอาเซียน ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียน ประเทศจีนสนับสนุนความเป็นเอกภาพของอาเซียน เป็นประเทศแรกที่สร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองกับอาเซียน เป็นประเทศแรกที่เข้าร่วม "สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" เป็นประเทศใหญ่นอกภูมิภาคประเทศแรกที่ได้ลงนามในสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกับอาเซียน จีนและอาเซียนได้ร่วมกันสร้างเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดระหว่างประเทศกำลังพัฒนาขึ้นเมื่อปี คศ. 2010

นายสี จิ้นผิงยังกล่าวด้วยว่า โลกปัจจุบันกำลังอยู่ในยุคสมัยที่มีการพัฒนา การปฏิรูปและการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ เอเซียนตะวันออกนับวันมีฐานะที่ทวีความสำคัญยิ่งขึ้น การพัฒนาของจีน อาเซียนและประเทศเอเซียตะวันออกกำลังเผชิญกับโอกาสและการท้าทายใหม่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การผลักดันความร่วมมือในภูมิภาคเอเซียตะวันออกต้องยึดจุดเน้น 4 ประการ ได้แก่ ประการแรก ยืนหยัดในบทบาทการนำของอาเซียนในความร่วมมือส่วนภูมิภาค สอง กระชับความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในด้านการค้า เศรษฐกิจแ ละการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เป็นต้น สาม ร่วมกันพิทักความมั่นคงและเสถียรภาพส่วนภูมิภาค สี่ ศึกษาประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ในด้านความร่วมมือของภูมิภาคอื่นๆ

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีไทยได้ประเมินค่าการเยือนไทยของรองประธานาธิบดีสี จิ้นผิงครั้งนี้อย่างสูง โดยเห็นว่ามีความหมายสำคัญแก่การกระชับความสัมพันธ์ไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นายยงยุทธ วิชัยดิษฐกล่าวว่า ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนได้พัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่ร่วมมือกันเชิงยุทธศาสตร์อย่างทั่วด้าน สองประเทศมีการประสานงานกันและติดต่อกันอย่างใกล้ชิดภายใต้กรอบพหุภาคีต่างๆ เขากล่าวด้วยว่า ภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 100 ปีของไทยก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์พิเศษระหว่างไทยกับจีน มิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศได้รับการกระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เชื่อว่าความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างไทยกับจีนจะได้รับการส่งเสริมให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน