เมื่อเร็วๆ นี้ สภาวิทยาศาสตร์สังคมแห่งชาติจีนออกสมุดปกสีน้ำเงินเศรษฐกิจของจีน โดยระบุว่า กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ปี 2011 เศรษฐกิจจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว มั่นคง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจีนในภาพรวมเป็นไปด้วยดี แต่ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วน และสลับซับซ้อนมาก จนทำให้เศรษฐกิจจีนต้องเผชิญกับการท้าทายหลายประการ ในรายการครั้งนี้ เราจะคุยกันในประเด็นเศรษฐกิจจีนที่น่าสนใจในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อทบทวนสถานการณ์เศรษฐกิจจีนในปี2011 และจับตาเศรษฐกิจจีนในปี 2012
ประเด็นทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจประการที่ 3 คือ กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการตัดลดภาษี ขณะนี้ วิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปยังคงไม่มีหนทางแก้ไขที่ชัดเจน ส่งผลให้จีนเริ่มตระหนักว่า ปัจจุบันไม่ใช่เวลาแห่งการรอคอยหรือคาดหวังใดๆ จากกลุ่มสหภาพยุโรปอีกต่อไปแต่เป็นเวลาที่จำต้องเตรียมตัวและเตรียมใจให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปให้รอบคอบ ระมัดระวัง และเจ็บตัวน้อยที่สุด
เมื่อเร็ว ๆนี้ ที่ประชุมประจำปีคณะทำงานเศรษฐกิจส่วนกลางจีนระบุว่า แนวทางนโยบายเศรษฐกิจของจีนในปี 2012 จะเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการนำเข้าให้สมดุลกับการส่งออก ได้ประกาศลดอัตราการสำรองเงินทุนของธนาคาร เพื่อให้ธนาคารปล่อยกู้อัดฉีดเงินเข้าระบบเสริมสภาพคล่องของตลาดในประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ จีนยังเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการตัดลดภาษี
สาเหตุสำคัญที่ทำให้จีนต้องรีบปรับทิศทางวางกลยุทธ์เศรษฐกิจเสียแต่เนิ่นๆ นี้ ก็เนื่องมาจากสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะจากฟากตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคยุโรปเป็นสำคัญ
เพราะภาวะที่ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงของยุโรปส่งผลโดยตรงต่อความต้องการสินค้าของผู้บริโภคในภูมิภาค ซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ของจีน
เรียกได้ว่าตลาดที่ซึมเซาในยุโรปทำให้ตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือน พฤศจิกายนที่ผ่านมาชะลอตัวลง 13.8% สวนทางกับการนำเข้าในเดือนพฤศจิกายนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22.1% ซึ่งสูงเกินกว่าที่ได้มีการคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้าที่ 19%
ตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นว่า การค้าเกินดุลของจีนหดเล็กลง ขณะที่ยังไม่นับรวมถึงตัวเลขดัชนีอุตสาหกรรม ซึ่งบ่งชี้ถึงกิจกรรมในภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงเช่นกัน
ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลงเช่นนี้ ส่งผลให้จีนเริ่มรู้ตัวแล้วว่า หากไม่เดินหน้าหามาตรการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศแล้วละก็อาจทำให้เศรษฐกิจที่กำลังเป็นไปด้วยดีของจีนต้องประสบกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ซึ่งเฝ้าตามติดความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจจีนต่างมองเห็นตรงกันว่า การส่งออกที่ชะลอตัวลงบวกกับปัญหาหนี้สาธารณะที่จีนปล่อยให้กับรัฐบาลท้องถิ่น บีบให้รัฐบาลจีนมีทางเลือกในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไม่มากนัก
การลดอัตราดอกเบี้ยในขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลงก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ก็ทำได้ไม่มากนัก ดังนั้น ทางเลือกที่พอจะเป็นไปได้และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตต่อไปในปี 2012 ก็คือการตัดลดภาษี
การที่จีนเก็บภาษีเข้าคลังในปี 2011 ได้มากกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ การลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายจึงเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เห็นว่าภาษีที่รัฐบาลจีนน่าจะลดหย่อนลงไปได้ก็คือ ภาษีโภคภัณฑ์ และภาษีเงินได้นิติบุคคล พร้อมกับการขยายโปรแกรมลดหย่อนภาษีภาคอุตสาหกรรมบริการที่ทดลองใช้ในเซี่ยงไฮ้ไปแล้วให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ
เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนเพื่อเอาไปจับจ่ายใช้สอย ขณะที่การเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทห้างร้านก็เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุน ที่จะทำให้เกิดการสร้างงาน กระจายรายได้ต่อไป
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนอาจเพิ่มรายได้ด้วยการเพิ่มภาษีสำหรับอุตสาหกรรมบางประเภท เพื่อผลด้านการประหยัดพลังงาน และลดปริมาณการปล่อยก๊าซ ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยส่งผลดีต่อมาตรฐานทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ในแง่ที่เข้ากับแนวโน้มความต้องการลงทุนด้านพลังงานสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมของโลกได้เป็นอย่างดี
เท่ากับว่านอกจากเป็นการวางแผนเพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นการปูทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป