เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมงานรำลึกครบรอบวันกองทัพไทยจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาจีน โดยมีนายวราวุธ ชูวิรัช อัครราชทูตไทย และพันเอก ธนภัทร นาคชัยยะ ผู้ช่วยทูตทหารบก(รักษาการแทนทูตทหารไทย) นาวาเอกปกรณ์ วานิช ผู้ช่วยทูตทหารเรือ และนาวาอากาศเอก ไกรพล ยั่งยืน ผู้ช่วยทูตทหารอากาศให้การต้อนรับทูตทหารประจำกรุงปักกิ่งและภริยาจากทั่วโลก พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่จากประเทศจีนให้เกียรติมาร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันกองทัพไทยด้วย
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ทางผู้เขียนก็ได้รับเกียรติจากท่านผู้ช่วยทูตทหารและรักษาราชการแทนทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งได้ให้สัมภาษณ์และได้ถอดจากบทสัมภาษณ์นำมาเรียบเรียงให้ได้อ่านและเข้าใจบทบาทความสำคัญของทูตทหารที่ประจำอยู่ต่างประเทศรวมทั้งความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างสองประเทศชัดเจนยิ่งขึ้น
รูป a
ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทยและจีน รวมถึงมีโครงการหรือแผนความร่วมมืออะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
- สวัสดีครับ ผมพันเอก ธนภัทร นาคชัยยะ ผู้ช่วยทูตทหารบกและรักษาราชการแทนทูตทหารไทยประจำกรุงปักกิ่ง ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทางซีอาร์ไอที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้ วันนี้เป็นวันครบรอบวันจัดตั้งกองทัพไทย ซึ่งจริงๆ แล้วได้ผ่านมาแล้วตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม แต่เนื่องจากติดภารกิจทางสำนักงานจึงเลื่อนมาจัดในเดือนกุมภาพันธ์ ในส่วนของความสัมพันธ์ไทย-จีนทางด้านการทหาร ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเริ่มมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2518 หลังจากนั้นได้เจริญสัมพันธไมตรีกันแล้ว ทางกองทัพจึงจัดส่งผู้ช่วยทูตทหารมาประจำในปีพ.ศ. 2521 เพื่อได้ดำเนินการเรื่องการแลกเปลี่ยนซื้อขายอาวุธและการฝึกร่วมกันมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบันนี้
ที่ผ่านมา เราก็มีความร่วมมือในส่วนของกลาโหมของจีนและไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือกัน มีการประชุมมาโดยตลอด ครั้งล่าสุดมีการประชุมเมื่อปีพ.ศ. 2553 แต่ในส่วนของปีที่แล้วไม่ได้เกิดขึ้นเนื่องจากว่าเกิดเหตุอุทกภัยที่เมืองไทยเสียก่อน ทางคณะกรรมการของไทยติดงานทำให้ไม่ได้มา ซึ่งปีนี้(2555)ในขั้นต้นใกล้ๆที่จะถึงนี้ ในอาทิตย์หน้าท่านผู้บัญชาการทหารบก(พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา)ก็จะมาเยี่ยมและแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับท่านเหลียง กวงเลี่ย รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของจีน จะมีการพูดคุยในเรื่องต่างๆ กันเพื่อสานความสัมพันธ์ในส่วนของกองทัพบก ทราบมาอีกว่า จากนั้นถัดไปทางรัฐมนตรีกลาโหมของไทยก็จะมาเยือนและจะมีการประชุมของคณะกรรมการความร่วมมือไทย-จีนด้วย
รูป b
ส่วนในโครงการต่างๆที่จะเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือก็จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การฝึกร่วมและการศึกษา ในส่วนของการศึกษา ปีนี้ได้จัดส่งทหารไทยมาเรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรที่ปักกิ่ง จำนวน 3 นายจากกองทัพไทย กองทัพบกและกองทัพเรือ ส่วนทางกองทัพอากาศได้จัดส่งนายทหาร 1 นายมาเรียนโรงเรียนเสนาทหารอากาศที่ปักกิ่ง และก็ยังมีโครงการที่จัดเป็นประจำทุกปี คือ หลักสูตรเรียนภาษาจีนที่เมืองคุนซาน มณฑลเจียงซู ใกล้ๆ กับซูโจว เราจะส่งทหารมาประมาณ 3-4 นายต่อปี ส่วนปีนี้มี 3 นาย ระยะการเรียนของหลักสูตรเสนาทหารอากาศและวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรจะใช้ระยะเวลา 1 ปี ส่วนหลักสูตรภาษา มีกำลังพลบางนายเรียนถึง 4 ปีจนกระทั่งจบปริญญาตรีก็มี และมีจบไปแล้วประมาณ 2-3 นาย
สำหรับปีนี้ทางฝ่ายจีนได้ส่งนายทหารจีนไปเรียนที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศพร้อมเรียนภาษาไทยด้วย นอกจากนั้นยังมีโครงการอื่นๆ กำลังจะเกิดขึ้นปีนี้ซึ่งได้เสนอไปแล้วแต่ยังไม่ได้อนุมัติออกมา โดยทางกระทรวงกลาโหมจีนจะจัดส่งทหารจำนวน 25 นายไปฝึกการกระโดดร่มที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ. ลพบุรี คิดว่า คงมีความร่วมมือนี้เกิดขึ้น อีกการฝึกหนึ่งเป็นแผนการฝึกที่ต่อเนื่องกันมา 2 ปีแล้ว คือ การฝึกของหน่วยทหารนาวิกโยธินไทย-จีน แต่ละปีจะผลัดกันโดยปีนี้จะมาฝึกที่จีน และปีที่แล้วไปฝึกที่ไทยมาแล้ว
รูป c
ทางซีอาร์ไอต้องขอขอบพระคุณ พันเอก ธนภัทร นาคชัยยะ ผู้ช่วยทูตทหารบกและรักษาราชการแทนทูตทหารไทยประจำกรุงปักกิ่งที่ให้โอกาสสัมภาษณ์พูดคุยและให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทาการทหารของทั้งสองประเทศที่มีมาช้านาน อีกทั้งยังมีโครงการต่างๆ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
สุชารัตน์ สถาพรอานนท์