เจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีนระบุว่า ปีที่แล้ว มีการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมคิดเป็นร้อยละ 56 ของยอดการใช้น้ำมันปิโตรเลียมของจีน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากจีนปรับราคาน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศแล้ว ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็สูงขึ้นอย่างมากจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิกฤตนิวเคลียร์อิหร่าน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ เพื่อประกันให้มีน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลเพียงพอต่อความต้องการ รัฐจึงจำเป็นต้องขึ้นราคาน้ำมันภายในประเทศ
ปีหลังๆ นี้ เมื่อกระบวนการเป็นอุตสาหกรรมและความเป็นเมืองของจีนเร่งเร็วขึ้น การใช้น้ำมันสำเร็จรูปในจีนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการพึ่งพาอาศัยน้ำมันดิบจากต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ และนับวันมีแรงกดดันจากการรักษาเสถียรภาพน้ำมันปิโตรเลียมให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศมากขึ้น ยอดการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในจีนเมื่อปี 2000 อยู่ที่ราว 110 ล้านตัน ในปี 2011 เพิ่มขึ้นถึง 243 ล้านตัน อัตราการเพิ่มเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 7.5 พร้อมกันนี้ อัตราการพึ่งพาน้ำมันปิโตรเลียมจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เมื่อปี 2000 มาเป็นร้อยละ 56 ในปี 2011
เจ้าหน้าที่ผู้นี้เน้นว่า กระบวนการเป็นอุตสาหกรรมและความเป็นเมืองของจีนต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่การใช้น้ำมันปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วสูงในระยะยาวยากที่จะเป็นไปได้อีก ฉะนั้น จึงควรปรับราคาน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศให้สมเหตุสมผลอย่างทันกาล คือ หนึ่ง จะแสดงบทบาทของราคาในการปรับให้เกิดความสมดุล ระงับการใช้น้ำมันปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นเร็วเกินควร และส่งเสริมการประหยัดทรัพยากร และสอง จะเป็นผลดีต่อการใช้ตลาดภายในประเทศและตลาดโลกให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อตอบสนองความต้องการน้ำมันปิโตรเลียมภายในประเทศ เขาระบุว่า "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะนี้ใกล้จะถึงไฮซีซั่นของการใช้น้ำมันเพื่อการเพาะปลูกและการผลิตภาคฤดูใบไม้ผลิ การปรับความสัมพันธ์ของระดับราคาให้เหมาะสม จะมีความสำคัญต่อการรักษาน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศและความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ"
(IN/LING)